กรุงเทพฯ – ผู้ว่าชัชชาติ สั่ง 34 เขต ดำเนินการศูนย์บริหารราชการ ฉับไว ใสสะอาด (BANGKOK FAST & CLEAR) ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ด้าน รองผู้ว่าฯ สั่งเฝ้าระวังฝีดาษลิงและรับมือโควิด-19 ในพื้นที่ใกล้ชิดต่อเนื่อง เผย ผลตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงฝีดาษลิง 17 คน ไม่ติดเชื้อ
วันที่ 1 สิงหาคม 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 15/2565 ว่า ได้หารือถึงการดำเนินงานของ ศูนย์บริหารราชการ ฉับไวใสสะอาด (BANGKOK FAST & CLEAR) หรือศูนย์ BFC ซึ่งมีหลักการเดียวกับ ศูนย์บริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) ให้ประชาชนมารับบริการที่เขตแล้วจบที่จุดเดียว ทำให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดความโปร่งใสมากขึ้น ปัจจุบันพร้อมทำ 16 เขต ให้ดำเนินการต่อเนื่องได้เลย ส่วนที่เหลืออีก 34 เขต ให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี รวมทั้งให้ปรับการบริการเป็นดิจิทัลมากที่สุด ทั้งการยื่นเอกสารและการขออนุญาต ต่อไปอาจไม่ต้องมี One Stop Service
ผลตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงฝีดาษลิง 17 ราย ไม่ติดเชื้อ
รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์หลังพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงว่า จากการสอบสวนโรคต่อเนื่องถึงกลุ่มผู้สัมผัสและมีความเสี่ยงทั้ง 17 ราย ที่เป็นคนแวดล้อมของผู้ป่วย ผลยืนยันจากห้องแล็บไม่ติดเชื้อ ศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) สำนักการอนามัย ฆ่าเชื้อบ้านพักและบริเวณโดยรอบ พร้อมทำความเข้ากับประชาชนในพื้นที่ว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร ส่วนชาวต่างชาติอีก 1 รายอยู่ระหว่างติดตามตัว
ส่วนสถานะของผู้ป่วย ปัจจุบันยังรักษาอยู่ที่ รพ.วชิรพยาบาล อาการดีขึ้น กักตัวต่อเนื่องตามระยะเวลาและอยู่ในห้องความดันลบ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
นอกจากนี้ ยังได้ประชาสัมพันธ์ 2 ส่วน แบ่งเป็น
ภาคประชาชน ให้ข้อมลูถึงลักษณะของฝีดาษลิง เฝ้าระวังอย่างไร จะดูแลอาการเบื้องต้น และดูว่ามีความเสี่ยงแบบไหนที่อาจเกิดโรคได้ ฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อที่ไม่ได้ติดต่อได้โดยง่าย มาตรการที่ใช้กับโควิด-19 สามารถใช้ได้ การรักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยช่วยได้ ที่สำคัญที่สุด คือ การล้างมือให้บ่อยขึ้น
ภาคบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาล กรณีมีผู้สงสัยไปตรวจที่สถานพยาบาล ให้บุคลากรทางการแพทย์เฝ้าระวังและตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติม เพราะถ้าเห็นตั้งแต่แรกก็สามารถช่วยหยุดยั้งการแพร่กระจายและทำเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น
มีเตียงพร้อมรองรับผู้ป่วยโควิด
รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในกรุงเทพฯ ว่า ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา มีรายงานการเข้าไปรักษา ที่สำนักการแพทย์ สำนักการอนามัย และวชิรพยาบาล อยู่ที่เกือบ 3,000 คน เป็นสัดส่วนล้อกับของทั้งประเทศ คาดว่าเมื่อรวมกับผลตรวจอย่างอื่นด้วย ผู้ป่วยจะอยู่ที่ไม่เกิน 10,000 คน ขณะที่จำนวนการครองเตียงของ รพ.สังกัดกรุงเทพมหานคร ยังสามารถให้บริการประชาชนได้ โดย รพ.ที่อยู่กลางเมือง มีเตียงรองรับได้ประมาณ 70-80% ส่วน รพ.รอบนอก มีอัตราการครองเตียงไม่เกิน 40% รพ.สนามมีอัตราการครองเตียงเพียงราว 10% ยังสามารถรับผู้ป่วยได้ โดยผู้ป่วยจำนวนมากสุดจะเป็นสีเขียวและเหลืองอ่อน ที่ต้องการแยกตัวจากครอบครัวหรือมีอาการบ้าง ส่วนยาที่มีสำรองอยู่ใน รพ.และระบบสาธารณสุขยังเพียงพอ
นอกจากนี้ รพ.สังกัด กทม.ยังเปิดให้บริการส่งผลตรวจ ATK พร้อมบัตรประชาชนออนไลน์ได้ด้วย รพ.ก็จะจ่ายยาให้ พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ศูนย์บริการสาธารณสุขและ รพ.ในสังกัด ติดตามผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่อาจรักษาตัวอยู่ที่บ้านหรือติดต่อโรงพยาบาลผ่านระบบออนไลน์ บางครั้งอาจมีความซับซ้อนทางร่างกายและอาการ หรือความเจ็บป่วยก่อนหน้าอยู่ ให้ติดตามใกล้ชิด
