กรุงเทพฯ – ผู้ว่าฯ ชัชชาติ นำทัพคณะผู้บริหาร กทม. เข้าประชุมร่วมกับ ผู้ว่าฯ นนทบุรี พร้อมคณะ เพื่อบูรณาการจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-จราจร อย่างเป็นระบบ เตรียมตั้งคณะทำงานขับเคลื่อน 3 จังหวัด กรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี
วันที่ 6 ตุลาคม 2565 ที่ห้องประชุมมหาเจษฎาบดินทร์ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะ เดินทางประชุมร่วมกับ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และคณะ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความเห็น เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ แบบไร้รอยต่อ ของทั้ง 3 จังหวัด คือ กทม. นนทบุรี และปทุมธานี รวมถึงปัญหาการจราจร
ข่าวน่าสนใจ:
- นนทบุรี กระบะเลี้ยวตัดหน้า จยย.พุ่งชน ร่างหนุ่มชาวลาวลอยก่อนตกกระแทกพื้นดับ
- คู่แข่งนอกสายตานายก ก้อย “พนธ์ มรุชพงษ์สาธร” ขอวัดดีกรีว่าที่นายก อบจ.แปดริ้ว
- นนทบุรี หนุ่ม 16 ขับเบนช์ เสียหลักเหินขึ้นไปคาอยู่บนรถ 6 ล้อรอดตายปาฏิหาริย์
- บุรีรัมย์ เตือนวัยรุ่นอย่าทำ ขับรถหวาดเสียว ยกล้อโชว์ จับส่งศาล ศาลพิพากษาสั่งปรับและจำคุก
การประชุมหารือร่วมกันในครั้งนี้ พ่อเมืองนนท์จัดทัพคณะผู้เข้าประชุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเชิญ นายกเล็ก 2 พื้นที่ คือ นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี และนายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด รวมถึงหัวหน้าทุกภาคส่วนของจังหวัด ที่เกี่ยวข้องมาเข้าร่วมประชุมด้วย อาทิ สำนักงานจราจรและขนส่ง สำนักงานระบายน้ำ สำนักงานวางผังและพัฒนาเมือง กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง ฝ่ายจัดการคุณภาพน้ำ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี ชลประทานนนทบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนนทบุรี
ซึ่งการประชุมร่วมกันใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง เพียงแต่ให้เก็บภาพบรรยากาศช่วงแรกของการประชุม ก่อนรอฟังการแถลงข่าว
หลังการประชุมเสร็จสิ้น ผู้ว่าฯ กทม. และผู้ว่าฯ นนทบุรี พร้อมด้วยนายกเล็กทั้ง 2 พื้นที่ของเมืองนนท์ เดินลงลิฟต์มาพร้อมกัน เพื่อแถลงผลการประชุม
โดยนายชัชชาติ กล่าวเป็นคนแรกว่า “เป็นโอกาสดีที่ได้มาหารือร่วมกับผู้ว่าฯนนทบุรี โดยมีนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด และนายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ ร่วมหารือแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องน้ำ และเรื่องการจราจรกันในเบื้องต้น ซึ่งน้ำสามารถไหลไปมาได้ไม่รู้ต่อกี่จังหวัด น้ำท่วมที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ทั้งสองจังหวัดต้องมารับผิดชอบร่วมกัน อย่างคลองบางเขน กรุงเทพฯ รับผิดชอบระบายน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยา และรับน้ำจากหลายคลองใน จ.นนทบุรี หรืออย่างคลองบ้านใหม่ ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก็เป็นพื้นที่ 3 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี
หากสามารถบริหารจัดการน้ำร่วมกันได้ ก็จะทำให้การระบายน้ำจากคลองเปรมประชากร ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือแม้กระทั่งคลองส่วย ซึ่งเป็นคลองหลัก ที่ขนานอยู่กับคลองเปรมประชากร น้ำมาลงที่คลองบางเขน เป็นการส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ถ้าบริหารจัดการได้ดีร่วมกัน สุดท้ายประชาชนทั้งสองจังหวัดก็จะได้ประโยชน์
ทั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่า จะตั้งคณะทำงานร่วมกัน 3 จังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างใกล้ชิด ให้มีการประสานงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ และในอนาคต จะร่วมมือกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องน้ำ แต่จะมีเรื่องสาธารณสุขและการศึกษา เนื่องจากประชาชนเดินทางต่อเนื่องเชื่อมต่อกันทั้งสองจังหวัด หากได้ร่วมมือกันในทุกมิติ ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก
ในส่วนของ กทม.มีอีกประเด็น คือ การปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่จะแบ่งออกเป็น 2 ทาง คือ เขื่อนพระราม 6 ออกแม่น้ำเจ้าพระยา หรือฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ หากปล่อยมาเจ้าพระยามาก ก็จะกระทบกับนนทบุรี แต่ถ้าปล่อยมาทางเจ้าพระยาน้อย ก็จะกระทบกับทางฝั่งตะวันออก ของกรุงเทพฯ ซึ่งกทม.ต้องพร้อมรับมือทั้ง 2 ด้าน”
นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงปัญหาการจราจรว่า ต้องพูดคุยประสานกันอีก เนื่องจากปัจจุบัน มีปัญหาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า เส้นแจ้งวัฒนะ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการ เพื่อคืนพื้นผิวการจราจรโดยเร็วที่สุด
ด้านนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าฯ นนทบุรี ระบุว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะ 2 ปัญหา ทั้งเรื่องน้ำและเรื่องจราจร ไม่สามารถผลักภาระไปให้จังหวัดใดจังหวังหนึ่งได้ เพราะเป็นพื้นที่ติดกัน ยกตัวอย่างเรื่องการจราจร หาก จ.นนทบุรีติด ก็ส่งผลกระทบถึง กทม. หาก กทม.ติดก็ส่งผลกระทบถึง นนทบุรี ส่วนเรื่องน้ำ อย่างเมื่อต้นสับปดาห์ทั้ง 2 ฝั่งมีปัญหา จึงได้ข้อสรุปว่า จะมาร่วมมือกันบริหารจัดการไปพร้อม ๆ กันกับ จ.ปทุธานี โดยการตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อศึกษาหาแนวทางแก้ไข ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ก่อนแบ่งหน้าที่กันทำต่อไป
“สมัยที่ตนเองเป็น รองผู้ว่าฯ นนทบุรี ไม่เคยมีบรรยากาศแบบนี้ ถือเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างจังหวัด วันนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ว่าฯชัชชาติ เชื่อว่าหากมีบรรยากาศแบบนี้ต่อไป อนาคตจะต้องดีขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าในอดีตที่ผ่านมาอย่างแน่นอน”
ต่อข้อถามว่า มีอะไรที่รู้สึกหนักใจด้านใดบ้างหรือไม่ ผู้ว่าฯ นนทบุรี บอกว่า ไม่รู้สึกหนักใจ กลับตรงกันข้าม รู้สึกเบาใจเสียมากกว่า ที่วันนี้ผู้ว่า กทม.มาหารือร่วมกัน เพราะปัญหาที่คุยกันในวันนี้ เป็นปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกัน ถือเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช่แค่การแก้ที่ปลายทางโดยการผลักน้ำลงเจ้าพระยา จนเมืองประสบปัญหาอย่างที่ผ่านๆมา จึงรู้สึกเบาใจมากกว่าหนักใจ
ทั้งนี้ ถ้าช่วงที่มีน้ำมามาก นนทบุรีของเรามีนายกทั้ง 2 เมือง ที่เป็นกำลังสำคัญและมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ คอยบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอยู่ ปัญหาน้ำเหนือไม่ค่อยน่ากังวล เพราะได้เสริมแนวกระสอบทรายเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการพังทลาย หากมีการปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นจากบางไทรลงมา กว่าน้ำจะมาถึงภายใน 1 วัน ก็สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน
“ปัญหาเดียวที่ยังเป็นกังวลใจ คือ ปริมาณน้ำฝน หากตกลงมาเพิ่มเกิน 100 มล. ซึ่งการบริหารจัดการน้ำที่ทำอยู่โดยการสูบอาจจะไม่ทัน ซึ่งน้ำฝนกลัวกว่าน้ำเหนือ แต่ยังมีความมั่นใจในความเข้มแข็งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงทีมงานทุกหน่วยที่การประชุมติดตามสถานการณ์กันทุกวัน สามารถที่จะเตรียมการทุกอย่างได้ทัน หลังจากนี้ตนเองก็จะไปพบ ผวจ.กทม.ด้วยเช่นกัน ถือเป็นการเหย้าเยือน” ผู้ว่าฯนนทบุรี กล่าว
หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ผู้แถลงทั้ง 4 คน ได้ถ่ายภาพร่วมกัน โดยแสดงสัญลักษณ์ ‘ชนหมัด’ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติประจำของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่สมัยลงพื้นที่หาเสียง เพื่อเป็นการแสดงพลังความเข้มแข็ง และส่งสัญญาณการผนึกกำลังทำงานร่วมกันระหว่าง 2 จังหวัด คือ กทม.และนนทบุรี
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายชัชชาติ ได้ไปประชุมร่วมกับ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เพื่อหารือบูรณาการการบริหารจัดการน้ำ ฝุ่น PM 2.5 และจราจร ซึ่งถือเป็นครั้งแรก นำร่องการร่วมมือกันแก้ปัญหาของจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: