กรุงเทพฯ : กรุงเทพมหานคร ส่งหนังสือ ย้ำขอความร่วมมือ BTSC ทบทวน-ชะลอปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ห่วง ส่งผลกระทบ เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน แนะ นำรายได้ทางอื่นมาชดเชยแทน
วันที่ 2 ธันวาคม 2565 นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ความเห็นกรณี บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) แจ้งขอปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ‘สายสุขุมวิท’ ช่วงงสถานีหมอชิต-สถานีอ่อนนุช และ ‘สายสีลม’ สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สถานีสะพานตากสิน รวมถึงส่วนต่อขยายสายสีลม สถานีกรุงธนบุรี และสถานีวงเวียนใหญ่ จากราคา 16-44 บาท ปรับเป็น 17-47 บาท ว่า กรุงเทพมหานครได้มีหนังสือขอความร่วมมือ ให้บริษัททบทวนและชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารออกไปก่อน เนื่องจากพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันนี้แล้วเห็นว่า การปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อประชาชน และเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้ระบบขนส่งมวลชนในการเดินทางเป็นอย่างมาก ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีรายได้ทางอื่น นอกเหนือจากรายได้จากค่าโดยสารเพื่อมาชดเชย อาทิ รายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณชั้นจำหน่ายตั๋ว โฆษณา การอนุญาตให้เอกชนก่อสร้างทางยกระดับเพื่อเชื่อมต่อกับสถานีและอาคารบุคคลภายนอก ซึ่งรายได้ดังกล่าวสามารถนำมาช่วยสนับสนุนรายจ่ายจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้
ข่าวน่าสนใจ:
- ทีดีอาร์ไอ จัดเวิร์คชอป “ CONTENT CREATOR WORKSHOP: SYNERGY FOR CLEAN ENERGY”
- นนทบุรี หนุ่มวัย 24 เห็นรุ่นพี่เมา หวังดีอาสาขี่รถ จยย.ส่งบ้าน เกิด พลาดเสียหลักล้มถูกแท็กซี่ชนทับซ้ำดับคาที่
- ททท. จัดงานใหญ่ "วิจิตรเจ้าพระยา 2024" สวยงามตระการตา กระตุ้นการท่องเที่ยวส่งท้ายปีนี้
- ททท.เชิญชม แสง สี สวยงามอลังการ “VIJIT CHAO PHRAYA 2024” วันนี้-15 ธค. ฟรี
แม้การแจ้งขอปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดตามสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชน ระหว่าง กรุงเทพมหานครกับ บริษัท โดยสัญญาสัมปทานฯ ข้อ 13.2 ระบุว่า ค่าโดยสารที่เรียกเก็บ จะต้องไม่เกินไปกว่าเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุด ที่อาจเรียกเก็บได้ ซึ่งบริษัทฯ จะต้องแจ้งให้ กทม. และประชาชนทั่วไป ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงค่าโดยสารที่เรียกเก็บล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน ก่อนวันที่ค่าโดยสารใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุดที่อาจเรียกเก็บได้เมื่อเดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ 21.52-64.53 บาท
ทั้งนี้ BTSC เคยมีหนังสือแจ้ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 เพื่อขอปรับขึ้นค่าโดยสารจาก 16-44 บาท เป็น 17-47 บาท ซึ่งไม่เกินเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุด แต่ กทม.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ขอให้บริษัทฯ ชะลอการปรับค่าโดยสารออกไปก่อน ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนและภาระของประชาชนโดยรวม และขอให้ชี้แจงถึงเหตุผล รวมถึงความจำเป็นในการขอปรับค่าโดยสาร
ต่อมา บริษัทฯ มีหนังสือแจ้ง กทม.อีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นว่า บริษัทฯ มีรายจ่ายจากการดำเนินโครงการที่เพิ่มสูงขึ้น และได้หารือกับผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท และมีความเห็นตรงกันว่า เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน บริษัทฯ จึงยินดีที่จะชะลอการปรับค่าโดยสารที่เรียกเก็บ ไปจนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2565 และจะบังคับใช้อัตรา “ค่าโดยสารที่เรียกเก็บ” ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งค่าโดยสารใหม่ที่จะเรียกเก็บนั้น อยู่ในอัตรา 17-47 บาท ไม่เกินเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุดที่อาจเรียกเก็บได้ตามสัญญาสัมปทาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: