กรุงเทพฯ – ชาวชุมชนศาลาลอย ทุกข์นาน วอนเขตประเวศเหลียวแล อย่าปล่อยให้เป็นชุมชนไกลปืนเที่ยง อยู่กันตามยถากรรม เรียกหาพรรคการเมือง ‘มาให้ถึง พึ่งให้ได้’ พร้อมอ้าแขนรับ
นายอีซา สะแอ ประธานชุมชนหมู่บ้านพัฒนาศาลาลอย เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ร้องเรียนผ่านแพลตฟอร์มข่าวชุมชน 77 ข่าวเด็ด หลังยื่นเรื่องร้องขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานเขตหลายครั้ง ให้เข้ามาดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการร้องขอให้เข้ามาสร้างราวกันตก ตามแนวสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) ระยะประมาณ 300 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเข้า-ออกของคนในชุมชน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการตกสะพานที่ยกตัวสูงกว่า 2 เมตร ระหว่างการขับขี่รถจักรยานและจักรยานยนต์ รวมถึงเพิ่มไฟฟ้าส่องสว่างตลอดเส้นทาง แต่กลับไร้การเหลียวแล จนต้องร้องผ่านสื่อมวลชน
ข่าวน่าสนใจ:
- ททท.เชิญชม แสง สี สวยงามอลังการ “VIJIT CHAO PHRAYA 2024” วันนี้-15 ธค. ฟรี
- ททท. จัดงานใหญ่ "วิจิตรเจ้าพระยา 2024" สวยงามตระการตา กระตุ้นการท่องเที่ยวส่งท้ายปีนี้
- ทีดีอาร์ไอ จัดเวิร์คชอป “ CONTENT CREATOR WORKSHOP: SYNERGY FOR CLEAN ENERGY”
- ปัญหาที่ท้าทายของ “กรมชลประทาน” กับการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงแจ้งเตือนการเกิดอุทกภัยใน “พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง”
นายอีซา เปิดเผยว่า ความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ ไม่เคยได้รับการแก้ไข อยู่กันแบบนี้มานาน สะพาน ค.ส.ล.ที่ใช้กันอยู่นี้ เป็นเส้นทางเดียวที่เข้า-ออกชุมชน มีความคับแคบ ไม่สามารถสวนกันไป-มาได้ ค่อนข้างอันตราย ราวกันตกซึ่งมีเฉพาะปากทางเข้า บางจุดก็ชำรุดเสียหาย ราว 300 เมตร ตรงจุดบริเวณนี้ มีบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่กว่า 50 หลังคาเรือน เวลากลางคืนจะมืดมาก เพราะขาดแสงสว่าง มีโคมไฟบนเสาไฟฟ้าแค่เพียง 4 ดวงเท่านั้น ส่วนเสาไฟฟ้าต้นอื่น ๆ มีแต่เสา ไม่มีไฟ เคยแจ้งปัญหาความเดือดร้อนไปยังเขตประเวศให้รับทราบแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล
ที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องคอยดูแลช่วยเหลือกันเอง ยามที่มีคนเจ็บไข้ได้ป่วย เด็ก หรือคนชรา แม้แต่หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอด จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ชาวบ้านต้องช่วยกันหามออกไปภายนอก ยังบริเวณซอยอ่อนนุช 80 แยก 5 เพื่อไปขึ้นรถกู้ภัย หรือหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นอย่างไฟไหม้ มักดับไม่ทัน เพราะรถดับเพลิง รถมูลนิธิ เข้าไม่ถึงที่เกิดเหตุได้ ชาวบ้านต้องช่วยดับไฟกันเอง
จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเขตประเวศ เข้ามาติดตั้งราวกันตกให้ รวมถึงเพิ่มไฟฟ้านส่องสว่างให้มากกว่านี้ นอกจากนี้ อยากให้เข้ามาสำรวจและปรับปรุงระบบประปาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากท่อประปาที่นี่เป็นท่อเหล็ก ใช้งานมานานหลายสิบปี ค่อนข้างเก่าเป็นสนิม ชาวบ้านต้องใช้น้ำที่ไม่สะอาด มีสนิม และเหม็น
ประธานชุมชนหมู่บ้านพัฒนาศาลาลอย เขตประเวศ ยังสะท้อนให้อีกว่า นอกจากชุมชนแห่งนี้จะไม่ได้รับการดูแลจากทางเขตหรือหน่วยงานราชการแล้ว ก็ยังไม่ค่อยจะได้รับการเหลียวแลจากนักการเมืองในระดับต่าง ๆ พอถึงช่วงหน้าหาเสียงเลือกตั้ง ก็จะเข้ามารับปาก นู่น นี่ นั่น แต่พอได้เป็นแล้ว สิ่งที่รับปากไว้ก็ลืมหาย ที่ผ่านมา ชุมชนแห่งนี้เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ปัญหาที่สะท้อนออกไป คงจะได้รับการเหลียวแลจากนักการเมือง ผู้แทนของประชาชนได้บ้างไม่มากก็น้อย “อย่าลืมว่าชุมชนนี้เป็นชุมชนใหญ่อยู่กันแบบพี่น้อง นับถือและเชื่อฟังอิหม่าม ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาเป็นหลัก”
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าว 77 ข่าวเด็ด พบว่า ชุมชนดังกล่าวมีบ้านเรือนอยู่ราว 450 หลัง มีประชากรอาศัยอยู่ถึงกว่า 1,000 คน ในลักษณะชุมชนแออัด ปลูกบ้านพักอาศัยอยู่กันเป็นกระจุก ๆ ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง บางหลังกรุด้วยยิปซั่มบอร์ด/ป้ายโฆษณาต่าง ๆ ที่ติดริมถนน มีความเป็นอยู่เสมือนคนต่างจังหวัดห่างไกล ไม่มีเค้าความเป็นเมืองกรุง แตกต่างจากชุมชนเมืองโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน น้ำหลาก ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างทุกลักทุเล เนื่องจากลักษณะพื้นที่เป็นที่ลุ่มต่ำ อยู่ติดคลองสองห้อง น้ำจึงเข้าท่วมขังสูงเป็นเวลานาน ประกอบกับมลภาวะทางกลิ่น ที่เกิดจากบ่อขยะอ่อนนุช ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 2-3 กิโลเมตร ส่งผลให้การใช้ชีวิตของคนในพื้นที่อยู่กันค่อนข้างยากลำบาก คุณภาพชีวิตตกต่ำ
ชาวชุมชนหมู่บ้านพัฒนาศาลาลอย ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ประกอบอาชีพเลี้ยงปลา เก็บผักขายเป็นรายได้เสริม รับจ้างทั่วไป และเป็นแรงงานในโรงงานทีมีอยู่หลายแห่งในพื้นที่ การเข้า-ออกของผู้คนในชุมชนนี้ ค่อนข้างยากลำบากและอันตราย เนื่องจากต้องใช้สะพานที่คับแคบเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น ลักษณะของสะพาน เป็นสะพาน ค.ส.ล. กว้างเพียงเมตรเศษ ๆ ยกสูงขึ้นเหนือพื้นดิน เพื่อหนีน้ำในช่วงฤดูฝน ความคับแคบของตัวสะพาน ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ หากจะขับขี่รถสวนกัน ต้องให้ผู้ขับขี่อีกฝั่งจอดหลบทางก่อน จึงจะสามารถผ่านไปได้ หากไม่ระวังอาจพลัดตกลงไปยังพื้นด้านล่างได้ เนื่องจากตลอดแนวไม่มีราวกันตก ประกอบกับในช่วงเวลากลางคืน ค่อนข้างอันตรายและเปลี่ยว เพราะขาดแสงสว่าง มีดวงไฟอยู่แค่เพียง 4 ดวงเท่านั้น ในระยะ 300 เมตร
ประธานชุมชนฯ จึงร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อ ให้เขตช่วยเข้ามาดูแลบรรเทาทุกข์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่รอจนกว่าจะเกิดเหตุร้าย ไม่ว่าจะต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน อย่างสุภาษิตที่ว่า “วัวหายแล้วล้อมคอก”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: