กรุงเทพฯ – กลุ่มผู้เสียหาย ‘ทัวร์ทิพย์’ นับสิบราย พร้อมทนายรณรงค์ บุกกองปราบ ยื่นหนังสือ แจ้งความร้องทุกข์ ถูกบริษัทนำเที่ยวหลอก สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่หน้ากองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลาง เขตจตุจักร กทม. นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธิธรรมในสังคม พร้อมผู้เสียหายนับสิบคน นำหนังสือเข้ายื่นแจ้งความร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. หลังถูกบริษัทนำเที่ยว ชื่อ บริษัท ‘พาเที่ยวเลย’ หลอกขายแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่น โปรแกรม TOKYO FUJI KAWASU 5D3N ซุปตาร์หิมะซากุระบาน พีเรียด ในราคา 35,888 บาทต่อคน กำหนดเดินทางวันที่ 15-19 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายที่ได้จองโปรแกรมทัวร์ดังกล่าวไว้ แต่กลับไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวแต่อย่างใด
นายจารุจันทร์ วารีนีราภารัตนากร อายุ 41 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ที่เดินทางมาร้องเรียนในวันนี้ นำหนังสือที่เข้าขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ของทนายรณรงค์ แก้วเพชร มายื่นให้ ผบก.ปคบ. ซึ่งในหนังสือระบุ ในฐานะที่เป็นตัวกลางในการจัดทัวร์ และเป็นผู้เสียหายจากกรณีซื้อทัวร์ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยเมื่อวันที่ 7 ก.พ.66 วางแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น กับเพื่อนอีก 6 คน ซึ่งได้รับการแนะนำจากบุคคลที่ชื่อ ‘น.ส.วีรนันท์ (ขอสงวนนามสกุล)’ ซึ่งเป็นไกด์ที่เคยรับงานอิสระจากบริษัท ‘พาเที่ยวเลย’ ว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ข่าวน่าสนใจ:
- กทม. ร่วม"ฟูกูโอกะ" เปิดงาน "Fukuoka Fair" ฉลอง 18 ปีเมืองพี่เมืองน้อง
- "เบิร์ด ธงไชย" ศิลปินแห่งชาติ ร่วมสืบสานนาฏศิลป์สยาม ชมการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
- ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีฯ จัดกิจกรรม"วันกิมจิ"เผยแพร่การทำกิมจิ ผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700 คน
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
จึงได้ติดต่อไปที่เพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘พาเที่ยวเลย’ เพื่อสอบถามโปรแกรมทัวร์ดังกล่าว ภายหลังพูดคุยรายละเอียด ได้สั่งจองทัวร์ตามโปรแกรมทัวร์ข้างต้น พร้อมโอนเงินค่ามัดจำเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี น.ส.รสลิน (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท ‘พาเที่ยวเลย’ รวมเป็นเงินจำนวน 84,000 บาท เมื่อวันที่ 7 ก.พ. และ 24 ก.พ. อีก 95,328 บาท รวมเป็นเงิน 179,328 บาท
ต่อมา เมื่อใกล้ถึงกำหนดเดินทาง จึงติดต่อทวงถามแผนการเดินทางไปยังบริษัทดังกล่าว แต่กลับไม่มีการตอบกลับใด ๆ ทั้งสิ้น จึงติดต่อสอบถามไปยัง สายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นสายการบินที่ทางบริษัทอ้างไว้ ปรากฎว่าไม่มีชื่อผู้โดยสารที่จะเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นเลย ตนเองและเพื่อนทั้ง 6 คน จึงมั่นใจว่าคงถูกหลอกอย่างแน่นอน และได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.66 ที่ผ่านมา
ด้านนางธนภร จันทรทีประ อายุ 65 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์ เปิดเผยว่า ใช้บริการกับบริษัททัวร์แห่งนี้มาแล้วหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวภายในประเทศ และบริษัทก็ให้บริการอย่างดีในทุก ๆ ครั้ง จึงเกิดความประทับใจ และใช้บริการมาเรื่อย ๆ กระทั่งครั้งล่าสุด ทราบว่ามีการจัดทริปทัวร์ไปประเทศเกาหลี จึงตัดสินใจสั่งจองกับเพื่อน 2 คน รวมเป็นเงินกว่า 2 หมื่นบาท เนื่องจากมั่นใจ เชื่อใจ และไว้วางใจ แต่มารู้ตัวเมื่อไม่สามารถเดินทางไปตามวันเวลาที่กำหนดได้ จึงแน่ใจว่าถูกหลอกอย่างแน่นอน
“ไม่คิดว่าจะกล้าทำ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ยังให้โอกาส เนื่องจากเข้าใจว่าคงมีปัญหาทางการเงิน เพราะไม่เคยจัดทัวร์ต่างประเทศ ยอมรับว่าจัดทัวร์ในประเทศ จัดได้ดี ประทับใจ แต่เมื่อติดต่อไปหลายครั้ง กลับไม่ได้รับการตอบกลับ จึงมั่นใจว่าคงไม่ได้เงินคืน รู้สึกเสียใจที่ไว้วางใจมาตลอด ฝากไปยังบริษัทหากดูข่าวอยู่ ขอให้กลับมาแก้ไขในสิ่งที่ผิด ยังพอที่จะมีโอกาสแก้ไขได้อยู่”
ขณะที่ ทนายรณรงค์ แก้วเพชร กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีอำนาจตามกฎหมาย สามารถเรียกตัวผู้ประกอบการมาเจรจา เพราะมีเงินค้ำประกันอยู่ สามารถนำเงินส่วนตรงนี้มาจ่ายให้ผู้เสียหายได้เลย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เพียงพอกับมูลค่าความเสียหายอยู่ดี เนื่องจากมูลค่าความเสียหายมากกว่ายอดเงินค้ำประกัน ซึ่งการแก้ไขปัญหาเรื่องเหล่านี้ ควรจะจบที่ ททท. ไม่ควรมาเกี่ยวข้องกับตำรวจ
ที่สำคัญที่สุด เพื่อเป็นการป้องกันยับยั้งไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ประชาชนจะต้องตรวจสอบใบอนุญาตการขายทัวร์ ว่ามีหรือไม่ ต่อมา เป็นการขายทัวร์ภายในประเทศหรือต่างประเทศ หากมีใบอนุญาตถูกต้องก็สามารถขายได้ หลังจากขายได้แล้วจะโกงหรือไม่โกง ก็ต้องไปดูรีวิวของทางบริษัทว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่
ทั้งนี้ ลูกค้าที่เป็นผู้เสียหายส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ” และที่ผ่านมา ความเสียหายมักเกิดขึ้น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของเอเจนซี่ที่ซื้อเพื่อขายต่อ และกลุ่มของผู้เสียหายตรงที่ซื้อเพื่อต้องการไปเที่ยวเอง โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้ หากกลุ่มเอเจนซี่ล้ม กลุ่มนี้ก็จะตามมา เนื่องจากได้รับซื้อต่อมาอีกที มูลค่าความเสียหายของกลุ่มเอเจนซี่จึงมีมาก ส่วนตัวแทนของกลุ่มของผู้เสียหายที่เดินทางมาร้องเรียนในวันนี้ มีมากกว่า 100 คน รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: