กรุงเทพฯ – พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัด พร้อมแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ต้องไม่แตะ หมวด 1,2 ไม่ยกเลิก มาตรา 112 อย่างเด็ดขาด พร้อมวิงวอนทั้งน้ำตา ขอพี่น้องชาว ปชป.กลับบ้าน มาจับมือร่วมเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมืองที่อยู่ยั่งยืนที่สุดของประเทศว่า เพราะประชาธิปัตย์ยึดมั่นในอุดมกาณ์ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่การเป็นประชาธิปไตยทั้งฉบับ แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องไม่แตะหมวด 1 กับหมวด 2 เพราะหมวด 1 เป็นหมวดที่ว่าด้วยความเป็นประเทศไทย ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ประเทศไทยต้องเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน ผู้ใดจะแบ่งแยกมิได้ และหมวด 2 ที่ว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้ว และนอกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดยืนของ ปชป. คือ ปชป.จะไม่ยกเลิก มาตรา 112 เหตุที่ไม่ยกเลิก เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองประมุขของประเทศ ทุกประเทศในโลก ก็มีบทบัญญติของกฎหมายคุ้มครองประมุขของตัวเองทั้งสิ้น แล้วทำไมประเทศไทยจะมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศไทยไม่ได้
หากจะแก้ไขให้ไปแก้ที่การบังคับใช้กฎหมาย ให้ยุติธรรม อย่าใช้ มาตรา112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง มาตรา 112 ต้องคงไว้ นี่คืออุดมการณ์ที่ชัดเจนของ ปชป. และเป็นสิ่งที่พรรคยึดมั่นสืบทอดมาตั้งแต่ ปี 2489 จนถึงวันนี้ครบ 77 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 78 กลายเป็นสถาบันทางการเมือง ที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศไทย ด้วยเหตุผล 2 ข้อดังกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า หลายคนวิจารณ์ว่า แต่ละพรรคการเมืองล้วนแต่เสนอนโยบายใช้เงิน ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนที่เสนอนโยบายหาเงิน ขอยืนยันว่าอย่างน้อยมี 1 พรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนที่จะหาเงิน และสร้างเงินให้คนไทยและประเทศไทย หากตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ปชป.จะประกันรายได้ทั้งคนไทยและประเทศ จะประกันรายได้จากการท่องเที่ยวและการส่งออก สร้างเงินให้ประเทศไทยรวมกันไม่ต่ำกว่า 85 ล้านล้านบาท เพราะ ปชป.ทำให้เห็นมาแล้ว
ปีที่ผ่านมา ที่ตนเองดูแลเรื่องการส่งออกเพียงปีเดียว มีรายได้เกือบ 10 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 30 ปี หากพี่น้องประชาชนให้โอกาส ยืนยันว่า ปชป.ทำได้จริง และหาก ปชป.เป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล ตนเองเป็นนายกฯ สิ่งแรกที่จะทำ คือ การขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า หลังจากติดหล่มความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากว่า 3 ปี จากโควิด ส่งผลให้ประเทศต้องกู้เงินมา 2 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะอัดฉีดเม็ดเงินให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ เพราะยังขาดอีก 1 ล้านล้านบาท หากตนเองเป็นนายกฯ จะเติมเงินเข้าระบบ 1 ล้านล้านทันที ด้วยการจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านทั่วประเทศ ชุมชนละ 2 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งสร้างเงินให้พี่น้องในชุมชน รวมถึงกองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีเงินมหาศาล แต่ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ จะอนุญาตให้ข้าราชการเบิกเงิน กบข.มาก่อน 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำมาเติมเม็ดเงินให้ตัวเองและครอบครัว รวมถึงนำมาเพื่อลดหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนพยายามถามว่า ปชป.จะแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนอย่างไร
แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก ปชป. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของผู้ใช้แรงงาน ที่จะนำออกมาเพื่อหมุนเวียนในระบบอีก 30 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งนโยบายสตาร์ทอัพ กิจการของคนรุ่นใหม่ รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ต้องมีแต้มต่อทางการตลาด ด้วยแหล่งเงินทุน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท
ปชป.ไว้ใจได้ เพราะเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่ตั้งมาชั่วคราว คิดนโยบายขึ้นมาเพื่อให้ได้คะแนนเสียงแล้วผ่านพ้นไป ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร แต่ ปชป.ต้องอยู่กับพี่น้องประชาชนตลอดไป คิดนโยบายอะไรขึ้นมาต้องทำได้ และรับผิดชอบในสิ่งที่คิดทำในอนาคตได้ด้วย ขอให้คนไทยทั้งประเทศไว้ใจและมั่นใจ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า วันนี้ ประชาชนไม่มีทางเลือกหลายทาง มีทางเลือกทางเดียว คือ การลงมือเลือกทางรอดของประเทศ ทางรอดของประเทศ คือ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ต้องไม่ใช่ประชาธิปไตย์ครึ่งใบ เพราะจะเผชิญแรงเสียดทานเหมือนเช่นที่ผ่าน ๆ มา ต้องประชาธิปไตยแบบเต็มใบเท่านั้น ที่สำคัญประชาธิปไตยอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีประชาธิปไตยแบบเต็มใบมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ทางรอดทางเดียวของประเทศ คือ ต้องเป็นประชาธิปไตยและต้องไม่โกง เพราะหากมีการโกงขึ้นมาเมื่อไหร่ เข้าเงื่อนไขการยึดอำนาจทันที สุดท้ายวงจรอุบาทก์ก็จะกลับมาเหมือนเดิม
“ขอส่งสัญญาณไปยังพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ให้มาร่วมกันสนับสนุนวิถีประชาธิปไตย์ไม่โกงของประชาชน ขอเรียกร้องไปยังพี่น้องประชาชน ที่เป็นสมาชิก ปชป.ทุกคน คราวที่แล้วยามวิกฤตครั้งหนึ่งของ ปชป. แต่ยังไม่เคยทอดทิ้ง ยังช่วยกัน ขอให้ยืนหยัดเลือก ปชป.ต่อไปอย่าเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญพี่น้องชาว ปชป.ที่เคยทิ้งเราไปคราวที่แล้ว เพราะอุบัติเหตุทางการเมือง ผมขอวิงวอนให้กลับมา กลับบ้านเรา กลับมาจับมือกับพวกเรา ชาว ปชป.ทุกคน เพื่อพาสถาบันทางการเมือง ที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศสถาบันนี้ ที่ชื่อประชาธิปัตย์ เดินไปข้างหน้าด้วยกัน ไม่ใช่เพื่อเรา ไม่ใช่เพื่อประชาธิปัตย์ แต่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป หลังการเลือกตั้ง เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน” นายจุรินทร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้า
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: