X

เลือกตั้ง66 : ชัดๆ เพื่อไทย ซัด! ‘พรรคนายกฯ’ เบื้องหลังปาระเบิดรถหาเสียง ‘ประชา ประสพดี’ (มีคลิป)

กรุงเทพฯ – พรรคเพื่อไทย เรียกร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง เร่งสอบปมปาระเบิดรถหาเสียง ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค โวย ตำรวจตั้งข้อหาไม่สมเหตุสมผล ทั้งที่ ข่มขู่ คุกคาม ประสงค์ถึงชีวิต ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง โทษถึงจำคุก-ยุบพรรค พลเอกประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบ

วันที่ 20 เมษายน 2566 พรรคเพื่อไทย โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงข่าวกรณี รถประชาสัมพันธ์หาเสียงของ นายประชา ประสพดี ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ ถูกปาระเบิดระหว่างหาเสียงวานนี้ (19 เมษายน 2566)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สรุป 2 ประเด็น จากเหตการณ์ดังกล่าว ดังนี้

1.การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการใช้อำนาจอันมิชอบ ขณะนี้อยู่ในวาระของการเลือกตั้ง ภายใต้การบริหารจัดการในรัฐบาลนี้ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องสืบสวนให้ชัดเจน เพราะผู้ปาระเบิดใส่รถหาเสียงประชาสัมพันธ์ของ นายประชานั้น เป็นหัวคะแนนของพรรคที่มีความเกี่ยวข้องกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องสืบให้ทราบว่า เกิดปัญหานี้ได้อย่างไร จะรับผิดชอบอย่างไร แล้วจะจัดการปัญหานี้อย่างไร  ส่วน กกต.ต้องเข้ามาดูแล เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง

2.มีประชาชนให้ข้อมูลกล่าวหาว่า มีการใช้อิทธิพลของรัฐ อำนาจรัฐ และกลไกของรัฐ ไปใช้ในการช่วยหาคะแนนเสียงใพรรคการเมืองหนึ่ง ในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตำรวจ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับผู้กำกับ ผู้การ สารวัตร ให้ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้พรรคการเมืองหนึ่งได้รับชัยชนะในหลายเขตเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรสร้างความกระจ่าง ไม่ควรทำให้เกิดข้อครหา และทำให้ประชาชนไม่สบายใจ ในบรรยากาศการเลือกตั้ง มิฉะนั้นอาจจะถูกมองได้ว่า ผู้นำของประเทศอยากสืบทอดอำนาจของตนเอง และจะใช้อำนาจทุกวิถีทางเพื่ออยู่ต่อ เพราะเราต่างขออาสามารับใช้ประชาชน ไม่ควรมีใครใช้กระบวนการของรัฐข่มขู่คุกคามผู้สมัครต่างพรรคต่างเบอร์กัน ซึ่งผิดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

“เราไม่ควรมีบรรยากาศการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่มีการข่มขู่ คุกคาม อันนำไปสู่การทำลายระบบประชาธิปไตย ทำให้เกิดการหวาดหวั่นในการเลือกตั้งที่จะถึงและหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นอีก ไม่ควรมีกระบวนการใด อิทธิพลใด หรือการกระทำใดๆ ที่กระบวนการของรัฐฯเข้ามาเกี่ยวข้องและข่มขู่ผู้สมัคร ที่ต่างพรรคต่างเบอร์ต่างความคิดกัน กกต.ไม่ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยร้องเรียน สามารถดำเนินการสอบสวนได้เลย” นายภูมิธรรม กล่าว

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ชี้ว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการคุกคาม ขู่เข็ญ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และผู้สนับสนุนให้เกิดความหวาดกลัว ส่งผลต่อการได้เปรียบ เสียเปรียบ ในการเลือกตั้งที่จะส่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม  ตัวผู้กระทำผิดก็มีพฤติกรรมเกี่ยวพันกับ พรรคการเมืองที่นายกรัฐมนตรีมีความเกี่ยวข้องอีกด้วย  ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องลงมารับผิดชอบตรวจสอบ และดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันอีก

พฤติการณ์ของผู้กระทำผิด มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายพรรคการเมือง เพราะเป็นการคุกคามต่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ข่มขวัญ แต่หวังเอาชีวิต ดังนั้น กกต.ควรเข้าไปตรวจสอบเพื่อเอาผิดพรรคการเมืองและนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

นายประเสริฐ ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมอีก 2 ประการ คือ
1.สถานที่เกิดเหตุระเบิด และสถานีตำรวจ อยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร แต่เมื่อผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ แจ้งไปยังสถานีตำรวจ กลับใช้เวลาเดินทางมาตรวจสอบนานถึง 30 นาที ทั้งที่ควรใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น

2.ภายหลังจับกุมผู้กระทำผิดมาสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำผิดเบาเกินไป ไม่สมเหตุสมผล ได้แก่ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว, ทำให้เสียทรัพย์, มีความพยายามทำร้ายร่างกาย และทำให้ส่งเสียงดังอื้ออึง โดยปกติ นายประชา จะนั่งไปในรถหาเสียงคันดังกล่าวด้วย หากในวันนั้น นายประชา อยู่ในรถคันดังกล่าว โดนระเบิดหลบไม่ทัน หมายถึงการประสงค์ต่อชีวิต ดังนั้น การตั้งข้อหาที่เบาเกินไป จึงดูขาดน้ำหนัก

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ย้ำด้วยว่า ในฐานะที่พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะเป็นการใช้อำนาจคุกคาม ขู่ขวัญ พรรคการเมือง ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นหัวคะแนนพรรคการเมืองใดอย่างชัดเจน ส่วน กกต.ไม่ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยร้องเรียน เพราะเป็นประเด็นสาธารณะ สามารถเข้าไปตรวจสอบ เพื่อเอาผิดกับพรรคการเมือง และนักการเมือง ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวได้ทันที เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง

นอกจากนี้ ยังแสดงความกังวลว่า ผู้ต้องหาอาจยกเอาเหตุผลทางจิตเวชขึ้นมากล่าวอ้าง เนื่องจากเคยกระทำความผิดเคยได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 9 เดือนมาแล้ว แต่ได้ยกเหตุอาการป่วยทางจิต มาเป็นสาเหตุอ้างต่อศาล แต่ศาลไม่รับฟัง และได้ตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 9 เดือน

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้แจ้งไปยังผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 400 เขต ให้ระมัดระวังในการลงพื้นที่ และเป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องการลงพื้นที่ต่าง ๆ หากมีเหตุอันใดให้แจ้งมายังพรรค เพราะขณะนี้เหลือเพียง 20 วันก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งเข้าใกล้โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งเต็มทีแล้ว

“เบื้องต้น ดร.ประชา ไม่ได้ขอกำลังตำรวจมาดูแล แต่หากมีความจำเป็นหรือมีปัญหา ต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม ดำเนินการในคดีนี้ด้วยบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพราะผู้ก่อเหตุร้องขอไม่ให้ ดร.ประชา เอาเรื่อง แต่ผมเห็นว่าเรื่องนี้ กกต.ต้องเข้ามาดูแลด่วน” นายประเสริฐ กล่าว

ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในข้อกฎหมายสามารถ ตั้งข้อสังเกตุหรือเอาผิดในกรณีนี้ได้ 2 ประเด็น ดังนี้

1.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชัดเจนว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 แล้ว การทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งในช่วงเวลานี้ ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ต้องเข้ามาดูแล และดำเนินดคี หากสอบสวนแล้วพบผู้กระทำผิด โทษตามที่กฎหมายระบุไว้ อาจมีโทษถึงจำคุก หรือหากสอบสวนแล้วพบว่ามีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งเสริม หรือ ทราบเรื่องแต่ไม่ห้ามปราบ อาจมีผลถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้

2.พฤติกรรมข้าราชการที่วางตนไม่เป็นกลาง หรือ ช่วยเหลือสนับสนุนใดๆ ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งได้ให้อำนาจ กกต. สั่งห้ามไม่ให้ข้าราชการกระทำการที่สุ่มเสี่ยงต่อการเอื้อต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และหากสั่งการแล้ว ข้าราชการไม่เชื่อฟัง กกต. มีอำนาจเสนอย้ายข้าราชการเหล่านั้นให้ออกจากพื้นที่ จึงขอแจ้งไปยังผู้สมัคร ส.ส.องพรรคเพื่อไทย ว่าหากพบพฤติกรรมของข้าราชการ และอาจทำให้ผู้สมัครได้รับความเสียหาย หรืออยู่ในการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม ผู้สมัครสามารถใช้กฎหมายข้อนี้ในการเอาผิดได้

“ส่วนใหญ่พรรคการเมืองเอาเปรียบกันแบบนี้ เพราะตัวเองมีอำนาจแล้ว ก็อาจให้การช่วยเหลือกันทั้งในทางตรงทางอ้อม ซึ่งเราสามารถใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อไม่ให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น” นายชูศักดิ์ กล่าว

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of กิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์

กิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์

ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นเว็บไซต์ 77 ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช แพลตฟอร์มชุมชนข่าวสาร 77 จังหวัด พบกับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง กับข่าวท้องถิ่นทั่วประเทศ