กรุงเทพฯ – ‘ไทยสร้างไทย’ เอาจริง! เข้ายื่นฟ้องศาล เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ตัวการทำค่าไฟฟ้าแพง เสียหายต่อรัฐ และประชาชน เอื้อประโยชน์ให้เอกชนคู่สัญญาได้รับประโยชน์จากค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ผลักภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน
วันที่ 25 เมษายน 2566 พรรคไทยสร้างไทย โดย นายปริเยศ อังกูรกิตติ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วย นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรค ฯ, นายรณกาจ ชินสำราญ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย และทีมกฎหมาย เดินทางเข้ายื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีส่วนทำให้ค่าไฟฟ้าแพง ต่อศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง
นายปริเยศ เปิดเผยว่า หลังจากที่พรรคไทยสร้างไทยได้รับฟังผลกระทบ ของประชาชน จากปัญหาราคาค่าไฟฟ้า ที่แพงขึ้นเกือบ 30 % ประกอบกับการติดตาม ตรวจสอบข้อมูล มาระยะหนึ่งพบว่า การขึ้นค่าไฟฟ้า ไม่ได้มาจาก ความต้องการในการบริโภคไฟฟ้าที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความผิดพลาดในการบริหารนโยบายด้านพลังงานของผู้มีอำนาจ และพฤติการณ์ ที่ส่อว่าจะเอื้อประโยชน์ ให้กับเอกชนหลายราย ในการอนุมัติสัญญาสัมปทาน และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เกินความต้องการของประเทศ
พรรคไทยสร้างไทย จึงได้ยื่นฟ้องผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังงานไฟฟ้า ตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายในการกำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความมั่นคง และเชื่อถือเกี่ยวกับไฟฟ้า โดยต้องกำหนดปริมาณให้สอดคล้อง และใกล้เคียงกับความเป็นจริงตามความต้องการใช้ไฟฟ้าของทั้งประเทศในแต่ละช่วงเวลา
นายปริเยศ ยังกล่าวอีกว่า ผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ได้ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ได้ดำเนินการกำหนดกรอบ หรือ เพดานของสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนในระบบผลิตไฟฟ้าของประเทศ และกำหนดปริมาณไฟฟ้าสำรองอันเกี่ยวกับสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของเอกชนเกินความจำเป็น และสูงกว่าการบริโภค หรือความจำเป็นด้านความมั่นคงด้านพลังงาน ส่งผลต่อกระทบอัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนสูงเกินความเป็นจริง และยังมีไฟฟ้าสำรองเหลือการบริโภคที่เอื้อประโยชน์ หรือส่อไปทางทุจริต ให้เอกชนที่เป็นคู่สัญญาได้ประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน จากค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) แล้วผลักภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ถือเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 จึงเดินทางมายื่นฟ้องต่อศาลเพื่อพิจารณารับฟ้อง และไต่สวนมูลฟ้องเรียกพยานหลักฐานที่อยู่ในความครอบครองของผู้เกี่ยวข้องเพื่อเอาผิดต่อไป
“การยื่นฟ้องศาลในครั้งนี้ แม้จะมาในนามพรรคการเมือง แต่เราอยากเห็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไข ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของการเมืองไปทั้งหมด เราได้แยกระหว่างการเมือง กับปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละพรรคการเมืองต่างที่จะมุ่งหน้าหาเสียง นำนโยบายต่าง ๆ มาบอกให้ประชาชนทราบ แต่ไม่ลงมือทำ อย่างที่พวกเราทำกันอยู่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ทำนั้น จะส่งผลดีออกมาให้ประชาชนพึงพอใจ ศาลได้พิจารณารับคำฟ้อง ส่วนการฟ้องร้องจะเป็นใครนั้น ค่อยเปิดเผยภายหลังวันที่ 8 พ.ย.66 อีกที ซึ่งเป็นวันนัดรับตรวจคำฟ้องของศาล” นายปริเยศ กล่าวทิ้งท้าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: