กรุงเทพฯ – อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ช้ำหนัก แฉหมดเปลือก ถูก ‘เสธ.ต.’ คนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร อมเงิน เบี้ยวค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง จนติดหนี้ ต้องขายวัวมาใช้หาเสียง ชี้ เป็นสาเหตุทำพรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.น้อยกว่าที่ควร รวมพลังเดินหน้าทวงความเป็นธรรม
วันที่ 28 พฤษภาคม 2566 ดร.คมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 3 เขต 7 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดใจถึงประสบการณ์ที่ได้จากการลงสมัครรับเลือก ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา สด ๆ ร้อน ๆ จนเป็นที่มาของการรวมกลุ่ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พปชร.จากทั่วประเทศ เกือบ 30 คน ภายใต้ชื่อ ‘กลุ่มรักลุงป้อม’ ว่า เพื่อต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากพรรค และทวงถามค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ที่พรรคเคยให้สัญญาไว้ว่าจะดูแลช่วยเหลือ ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง แต่กลับไม่ได้เป็นไปตามที่คุยกันไว้ เนื่องจาก ‘เสธ ต.’ ซึ่งเป็นคนสนิทของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเบี้ยวและอมเงินไป
ดร.คมเดช ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.เพียงรายเดียว จากเกือบ 30 คน ที่ใจกล้าพอและไม่หวั่นเกรงอิทธิพลคนมีสี เปิดเผยว่า สูญเสียเงินส่วนตัว 7 หลัก ทั้งต้องขายวัวยกฟาร์ม และยังติดหนี้ เพราะต้องนำเงินมาใช้จ่าย ตั้งแต่ลงพื้นที่ไปหาเสียง คลุกคลีตีโมงกับชาวบ้าน เพื่อทำความรู้จักคุ้นเคย ตั้งแต่ก่อนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง และเมื่อ กกต.ประกาศรับสมัครแล้ว ก็ต้องมีเงินอีกส่วนใช้บริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็น ค่าป้ายหาเสียง ค่ารถแห่ประชาสัมพันธ์ ค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียง การจัดเวทีปราศรัย และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งได้รับการประสานงานจาก ‘เสธ ต.’ ที่สัญญาว่า “จะช่วยเหลือดุแลในภายหลัง” เหมือนให้ผู้สมัครลงทุนเองไปก่อน เเต่สุดท้ายที่รับปากไว้กลับ ‘ไม่เป็นอย่างที่พูด’ ส่งผลให้ตนเองและอดีตผู้สมัครอีกหลายคนต้องเป็นหนี้เป็นสิน
อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร. กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการพูดคุยกันเเล้วภายในพรรคว่า เเต่ละภาคใครรับผิดชอบ เเต่ เสธ ต.อยู่เหนือกว่าทุกคน ทำให้งานผิดพลาด น่าเสียดายที่พรรคมอบหมายให้คนแบบนี้มาดูแลการเลือกตั้ง ความจริงพรรคควรจะได้คะแนนเสียงมากกว่านี้ เเต่เป็นเพราะถูกตัดท่อน้ำเลี้ยง จึงทำให้ได้จำนวน ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและปาร์ตี้ลิสต์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น อยากให้เสียงตรงนี้ ดังไปถึงลุงป้อม เพราะลุงป้อมเป็นคนที่เขานับถือกันทั้งประเทศ เป็นคนใจถึง ใจดี รับฟังเหตุผล ถ้าลุงป้อมรู้ว่าคนข้างกายทำแบบนี้ จะต้องให้ผู้ใหญ่ที่มีความเป็นธรรมลงมาเเก้ไขเเน่นอน ถ้าผู้ใหญ่ให้ความเป็นธรรมจริง ๆ เเต่ตนเองมองว่าน่าจะ 50/50 ไม่รู้ว่าจะตกลงกันยังไง เเต่เชื่อว่าผู้ใหญ่คงจะเมตตาอดีตผู้สมัครที่สอบตกทั้งหลาย
“คนที่กระทำ คือ เสธ ต. ขอให้หันมาดูด้วย อย่ามาโกรธผม เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องนี้ ‘มีนอกมีใน’ อยากจะให้มาพูดคุยกัน ตอนนี้ก็รออยู่เพื่อหาทางออกที่ดี พูดคุยกันรู้เรื่องก็ไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมาติดต่อไม่ได้ และไม่มีการติดต่อกลับ อย่างไรก็ตาม แม้ต้องเผชิญปัญหาแบบนี้และเป็นหนี้เป็นสิน แต่ยังเคารพลุงป้อม และยืนยันว่าจะอยู่ พปชร.ต่อไปเพียงพรรคเดียว ผู้ใหญ่ต้องลงมาเคลียร์ ไม่ใช่ว่าเสร็จการเลือกตั้งเเล้วยังทำเฉย”
ดร.คมเดช ระบุว่า การเคลื่อนไหวร้องเรียนในวันนี้ ถ้ามองให้ดีไม่ได้เป็นผลลบกับพรรคเลย ผิดเเค่คนประสานเท่านั้น พรรคไม่เกี่ยว เเค่อยากจะบอกให้รู้ว่า ที่เเพ้เลือกตั้งเพราะอะไร ทั้งที่จริง กระแสของพวกตนเองในเเต่ละเขตดีมาก เเต่การตัดท่อน้ำเลี้ยงทำให้ได้คะแนนน้อย อย่างตนเองบ้านและฐานเสียงอยู่เขต 8 มีคะแนนอยู่ที่นั่น แต่ เสธ ต.รายนี้ กลับนำคนอื่นมาเสียบแทน และให้ตนเองไปลงสมัครในเขต 7 ทำให้ต้องพ่ายเเพ้ ขอฝาก เสธ.ต.ด้วยว่า “ทหารพูดแล้วทำ ไม่ใช่พูดเเล้วตลบตะแลง” เพราะตอนที่มาตกลง มาคุยกัน ก็อ้างตัวว่าเป็นคนของลุงป้อม จึงไม่มีใครกล้าเเย้ง
ตอนเเรกที่ดีลกัน บอกว่า ให้มาพบเป็นระยะ มารับเงินเป็นช่วง ๆ จ่ายเป็นงวด ตามระเบียบกฎหมาย กกต. เเต่กลับมีนอกมีใน พวกผู้สมัครก็ไม่กล้าพูด เพราะ เสธ.ต.อยู่ใกล้ตัวลุง สงสารลุงมาก เพราะถูกเบี้ยวเงินทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน และยังถูกกีดกันไม่ให้พบ แต่ยังเคารพลุงป้อมเหมือนเดิม เสียดายที่คนข้างกายไม่ได้เรื่อง
“ถ้าพูดคุยเจรจากันไม่ลงตัว จะมีมาตรการ ขอให้สื่อช่วย เพราะมีกันไม่กี่คน กลัวว่าจะไปไม่ถึงหูลุงป้อม อยากเตือนว่า อย่าทำลายลุงป้อม เชื่อว่าไม่นานความลับจะถูกเปิดเผย” ดร.คมเดช พูดอย่างจริงจัง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: