กรุงเทพฯ : พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แก้ข่าวชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. หลังสังคมวิพากษ์หนัก โยงคดีพนันออนไลน์ ผู้การเมืองชลเรียกรับเงิน 140 ล้าน เครื่องมือนำทางสู่เก้าอี้ ชี้ไม่เป็นความจริง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ชี้แจง ถึงกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงคดีการจับกุมกลุ่มพนันออนไลน์ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ระดับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และระดับรองลงมาอีกกว่า 10 นาย เข้าไปเกี่ยวข้อง อาจเป็นผลมาจากปัญหาภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบเนื่องจากการชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ จะเกษียณอายุราชการ ในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ ว่า
“การดำเนินคดีที่จังหวัดชลบุรี ไม่เกี่ยวข้องกับ รอง ผบ.ตร.คนไหนเลย ปัญหาที่แท้จริงเกิดจากลูกน้องที่กระทำความผิด เมื่อรู้ว่าตัวเองไปไม่รอดแล้ว ก็พยายามที่จะทำให้นายทะเลาะกัน ซึ่งมีแค่นี้ ทำชั่วเอง พอเกิดเรื่องก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ โยงประเด็นไปในเรื่องแย่งชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.บ้าง เรียกว่าลูกน้องชั่วซ้ำซาก ยืนยันว่า ไม่มีรอง ผบ.ตร.คนไหน หรือผู้ช่วยคนไหนเข้าไปเกี่ยวข้อง ลูกน้องชั่วเอง ก็ชั่วเพราะตัวเอง เหมือนนักกีฬา เล่นแพ้แล้วโทษปี่โทษกลอง ตัวเองเมื่อถูกเป่านกหวีดฟาวล์แล้วก็ต้องออกมานั่งข้างสนาม แต่ไม่ใช่ไปโทษคนโน้นคนนี้ เตะไม่ดีก็โทษรองเท้า เมื่อชั่วแล้วก็ต้องรับสภาพว่าชั่วจริง ก็อย่าไปชั่วซ้ำซาก ต้องรับสภาพ และไปสู้คดีในชั้นศาลไป”
ข่าวน่าสนใจ:
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย เขาให้ 50 ล้านบาท แต่กลับไปเรียก 140 ล้านบาท ตำรวจสมัยโบราณ อธิบดีตำรวจ ที่ยังมีชีวิตอยู่พูดคุยกับตนเองว่า ตั้งแต่รับราชการมา ยังไม่เคยเห็นแบบนี้เลย เรียกว่า “ชั่วซ้ำซาก” ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่มีใครเตี้ยม ไม่ใช่เรื่องการขัดแย้งภายใน จึงนำไปสู่การแจ้งความ
สำหรับฐานความผิดในคดีนี้ ตัวผู้การฯ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากหลายกรณีในอดีต อัยการสั่งไม่ฟ้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ตั้งแต่ผู้การฯ ลงมา แต่ปัญหาสำคัญที่ทำให้หลุดลอดไปได้ เพราะไม่ได้คุมพยาน กว่าจะขึ้นศาลได้ก็ 2-3 ปี จึงต้องคุมพยาน ซักซ้อมพยานให้ดี คดีที่ตนเองทำทั้งหมดต้องมีการซักซ้อมพยาน ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานก็ตาม จบคือจบ ส่วนอัยการจะไปทำสืบก็สืบไป ศาลจะเบิกความใครก็เบิกไป ถึงจะนำไปสู้ได้
เร่งขยายผลจับกุมคดีเว็บพนัน บางคดีถึงศาลแล้ว ยืนยัน ดำเนินคดีครบทุกคน ไม่ยกเว้น วันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงความคืบหน้า การขยายผลคดีเว็บพนันออนไลน์ ที่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง
สืบเนื่องกรณี เมื่อวันที่ 6 ก.พ.66 นายเชิดเกียรติ ศักดิ์ศรี อายุ 24 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กรณีถูกกลุ่มผู้ต้องหา 7 คน อุ้มจากที่พักย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ ไปทำร้ายร่างกายและทวงเงิน รวมถึงเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นเงินสด โทรศัพท์มือถือ และแทปเล็ต รวมมูลค่าประมาณ 100,000 บาท โดยมูลหนี้มีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เหตุเกิดเมื่อ 12 ม.ค.66 พื้นที่ สน.โชคชัย ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ครบทั้ง 7 คน รวมทั้งยังดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้ความช่วยเหลือ ในการค้นข้อมูลทะเบียนราษฎรของผู้เสียหาย ส่งให้กลุ่มผู้ก่อเหตุอีก 1 ราย
ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า เว็บพนันดังกล่าวมีนายตำรวจเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังด้วย โดยให้ดำเนินการสืบสวนความเชื่อมโยง ไล่เส้นเงิน และดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทั้งหมด
เบื้องต้น คดีปล้นทรัพย์ สรุปสำนวนฟ้องเสนออัยการแล้ว คดีอยู่ในชั้นศาล ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ค้นข้อมูลทะเบียนราษฎรนั้น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาชี้มูลความผิด และส่งให้ตำรวจภูธร จว.สระแก้ว ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
รอง ผบ.ตร. เปิดเผยอีกว่า พบเว็บไซต์พนันที่เกี่ยวข้องมี 3 เว็บไซต์ ได้แก่ sexy789 red789 และ blue789 มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ในการเป็นแอดมิน และจัดหาบัญชีม้า ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม 9 ราย ประกอบด้วย
1.พล.ต.ต.เอกภพ อายุ 52 ปี (เจ้าของเว็บ)
2.พ.ต.อ.ปวริศ อายุ 41 ปี (จัดหาบัญชีม้า)
3.น.ส.พัชวัญญ์ อายุ 39 ปี (ซูเปอร์แอดมิน)
4.นายมนตรี อายุ 39 ปี (ซูเปอร์แอดมิน)
5.น.ส.อมรรัตน์ อายุ 26 ปี (จัดหาบัญชีม้า)
6.นายสนธิ์ อายุ 57 ปี (บัญชีม้า)
7.นางวันเพ็ญ อายุ 59 ปี (บัญชีม้า)
8.นายคมเดช อายุ 32 ปี (บัญชีม้า)
9.น.ส.กนกวรรณ อายุ 37 ปี (บัญชีม้า)
โดยจะดำเนินคดีในความผิด ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และฟอกเงิน ซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่ของทรัพย์สิน การครอบครอง ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังส่งเรื่องให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อยึดอายัดในขั้นต่อไปแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: