กรุงเทพฯ : ‘นายกรัฐมนตรี’ ยืนยันเป็นเรื่องดี ‘ฝ่ายค้าน’ ทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบาย ช่วยให้รัฐบาลแข็งแกร่งขึ้น เตรียมฟื้น ครม.นอกสถานที่ ทำงานใกล้ชิดประชาชน หารือบีโอไอ เปิดทางนักลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ
วันที่ 7 กันยายน 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในนโยบาย Digital Wallet 10,000 บาท ที่สื่อบางสำนักอ้างถึงการยืมเงินรัฐวิสาหกิจมาดำเนินนโยบาย ว่า ตอนนี้ไม่อยากให้มีการพูดคุยกันไปหลายอย่าง จนทำให้เกิดความสับสน อีกทั้งยังไม่ได้เข้าบริหารงานอย่างเป็นทางการ อยากให้มีการแถลงนโบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาก่อน ขอให้ใจเย็น ๆ ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการพูดคุยกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเก็บข้อมูล โดยวานนี้ (6 ก.ย.) ได้พูดคุยหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้ให้ข้อมูลหลายเรื่อง อย่างการออก Digital Wallet ในระยะกลาง และระยะยาว ระบบการเงินการคลัง ตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศ พร้อมยืนยันว่า เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้เป็นรูปแบบ Blockchain ขอให้ประชาชนมั่นใจว่านโยบายนี้ จะใช้ได้ภายในไตรมาสแรก ในปี 2567 แน่นอน
กรณีที่พรรคก้าวไกลเชิญชวนประชาชนจับตาการแถลงนโบายรัฐบาล ที่ไม่ปรากฎอยู่ในหลายเรื่องตอนหาเสียง นายเศรษฐาตอบว่า ก็ขอให้ดูตอนแถลงนโยบาย เข้าใจการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่อธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ เท่าที่ทำได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เราอาสาเข้ามาทำงานการเมือง ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบ มองเป็นเรื่องดี จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ขณะที่ในช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และคณะทำงานด้านนโยบายการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมหารือกันกับนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เกี่ยวกับการเดินหน้าการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย
ข่าวน่าสนใจ:
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงทุนจากต่างประเทศ และการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในไทย (FDI) ต้องใช้ระยะเวลานาน หากไม่เริ่มดำเนินการในวันนี้ จะเห็นผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยในอีก 2-3 ปี จึงต้องเร่งทำงานทันที พร้อมทั้งต้องเร่งเตรียมการเดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18-24 กันยายน 2566 นี้ กับบีโอไอ ซึ่งต้องพบปะกับนักธุรกิจจากหลากหลายประเทศ วันนี้ทางบีโอไอเข้ามาให้ข้อมูล เพื่อจะได้เร่งเดินหน้าผลักดัน และส่งเสริมการลงทุนในไทย ยืนยันว่าโครงการใดที่มีประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม จะผลักดันให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการรอพิจารณา จะรับฟังข้อมูลต่อเนื่องเพื่อทำงานร่วมกันต่อไป
สำหรับภาพรวมการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในไทย ในปี 2561 – มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรก เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี ยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่ารวม 1.8 ล้านล้านบาท พบว่าประเทศญี่ปุ่น มีการขยายการลงทุนเพิ่มต่อเนื่องในกลุ่มบริษัทเดิม และจีนมีการขยายลงทุนต่อเนื่องในกลุ่มบริษัทใหม่ ส่วนภาพรวมการลงทุนในไทย ยังมีโครงการที่รอการพิจารณาโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ รวม 6 โครงการ มูลค่ารวม 29,862 ล้านบาท และโครงการที่รอพิจารณาตาม พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ กว่า 21 โครงการ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: