กรุงเทพฯ : นางเอกภาพยนตร์ ชาวม้ง พาเพื่อนชาติพันธุ์ร้องกองปราบ โดนหลอกลงทุนทำเครื่องแต่งกาย-เครื่องเงินขาย และ วีซ่า สูญเงินนับ 10 ล้านบาท
วันที่ 20 ก.ย.2566 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. น.ส.วัทนพร บุญทา หรือ น้ำอินทร์ อายุ 26 ปี อดีตนักแสดง นางเอก เรื่อง “นางเงือก” “แรงชิงชัง” “ลิขิตนักภารดร” พากลุ่มชาวชาติพันธุ์ (ม้ง) เชียงราย เชียงใหม่ น่าน จำนวน 10 คน เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (กก.บก.ป.) เพื่อแจ้งความ ร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูก ‘เจ๊เป๊ปซี่’ หรือ ‘เจ๊พันล้าน’ ร่วมกับ นายสุขุม (สามี) เจ้าของบริษัท 4 แห่ง ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับ เสื้อผ้า ของชนเผ่าม้ง ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ หลอกให้บรรดากลุ่มชนชาติพันธุ์ ม้ง ในพื้นที่ดังกล่าว ร่วมกันลงทุนด้วยการทำสัญญาเงินกู้ นอกจากนี้ยังเปิดรับทำวีซ่าส่งคนไปต่างประเทศ รวมทั้งรับส่งผลไม้ตามฤดูกาล เมื่อประมาณ 2 ปี ก่อน ช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาด ซึ่งอ้างว่าหมดเงินทุน จึงทำการระดมทุน จำนวนรายละหลักหมื่นถึงหลักล้านบาท
น.ส.วัทนพร กล่าวว่า ตนเองเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่เดินทางมาวันนี้ เพื่อมาร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือ ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกในแบบเดียวกัน คือการหลอกให้ร่วมลงทุน และที่มาในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ผู้เสียหายบางรายไม่กล้าไปแจ้งความดำเนินคดี เพราะถูก 2 ผัวเมีย ข่มขู่ อ้างว่ามีผู้ว่าฯ หลายจังหวัดหนุนหลังอยู่ และแอบอ้างว่าร่วมทำธุรกิจกับคนในตระกูลสูงด้วย ส่วนตนเอง 2 ผัวเมียนี้ได้เข้ามาตีสนิท เพราะเห็นว่าตนเองเป็นนักแสดง และมีคนรู้จักมาก เพื่อต้องการหาเหยื่อเพิ่ม
โดยพฤติการของ 2 คนนี้ จะใช้วิธีการเข้ามาตีสนิท จะทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะให้เหยื่อทุกคนไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนที่จะชักชวนให้ร่วมลงทุน โดยอ้างว่ามีผลกำไรอย่างงามจากเงินปันผล ซึ่งผู้ที่ลงทุนไปในครั้งแรก ๆ เริ่มจากหลักหมื่น ก็จะมีเงินปันผลให้ ทำให้ผู้ที่ลงทุนนั้นอยากที่จะลงทุนต่อ จึงเพิ่มวงเงินลงทุนที่สูงกว่าเดิม ถึงในขั้นตอนนี้ ทั้งเงินทุนและเงินปันผล ก็จะไม่ได้คืนแม้แต่บาทเดียว
นอกจากนี้บุคคลทั้ง 2 ยังได้อาศัยความสนิทกับผู้เสียหายที่ไปร่วมทำกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ โดยชักชวนให้ร่วมลงทุนในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้มูลค่าความเสียหายของเหยื่อที่เดินทางมาร้องกองปราบในวันนี้ รวมทั้งที่จะทยอยเข้ามาแจ้งความเพิ่มอีก มูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
“ร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยดำเนินคดีอาญากับสองผัวเมียนี้ด้วย ซึ่งเป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก ไม่อยากให้ใครตกไปเป็นเหยื่อได้อีก ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
นางจูน อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า ตนเองเคยฟ้องร้องสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นคดีแพ่ง ศาลได้ตัดสินให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย แต่ไม่สามารถสืบทรัพย์ได้ จึงไม่มีเงินมาชดใช้ให้กับตนเอง
ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ส่งมอบให้กับพนักงารนสอบสวน พร้อมกับให้ปากคำ เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
