กรุงเทพฯ : ‘จุรินทร์’ เตือน เศรษฐาเรื่องดิจิตอล วอลเล็ต จะแจกก็แจกไป แต่อย่าเอาประชาชนเป็นโล่กำบังความรับผิดชอบประชานิยมในอนาคต เผยกรรมาธิการเศรษฐกิจสภาจะเริ่มพิจารณาพฤหัสนี้
วันที่ 16 ตุลาคม 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาส่งเสียงต่อต้านการคัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาทของรัฐบาล ว่า ถ้าเอาเงินไปแจก ส่วนใหญ่ใครก็เอา ไม่ต้องไปถามหรือไปส่งเสียงให้เขาออกมาหนุนหรอก โดยต้องบอกด้วยว่าเงินที่จะเอาไปแจกนั้นเป็นเงินของประเทศ เป็นเงินที่ประชาชนจะต้องแบกรับภาระร่วมกันในอนาคต ไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายเศรษฐา คนที่เขาเห็นต่างเขาจึงมีสิทธิ์แสดงออก เพราะจะเป็นภาระกับเขาในอนาคตด้วย และประชาชนก็ไม่ได้ออกมาเรียกร้องแต่แรกว่า ต้องการเงินหมื่นบาท แต่เป็นเรื่องพรรคการเมืองที่ไปเสนอให้ เพื่อแลกกับคะแนนตอนหาเสียง และเมื่อได้เสียงมาแล้วก็จำเป็นต้องทำ แต่ต้องทำบนความรับผิดชอบของพรรคการเมืองนั้น ๆ ที่เป็นต้นคิด รวมทั้งรัฐบาลที่ไปผูกมัดไว้เป็นนโยบายด้วย
ฉะนั้นหากเกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต จะไปโทษประชาชนหรือโทษคนอื่นไม่ได้ การไปปลุกประชาชนที่เห็นด้วย ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับฝ่ายที่เห็นต่าง จึงเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการปลุกประชาชนออกมาชนกันแล้ว ยังเหมือนไปเอาประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์กำบังความรับผิดชอบประชานิยมในอนาคตให้กับพรรคการเมืองและรัฐบาลด้วย ซึ่งคนมีวุฒิภาวะไม่ควรทำ
ส่วนความคืบหน้าในการพิจารณาญัตติการติดตามการแจกเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต ในคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเองได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมแล้ว โดยคณะกรรมาธิการได้มีมติให้เชิญกระทรวงการคลัง และผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทยมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ซึ่งเท่ากับว่านอกจาก ปปช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และนักวิชาการจากหลายสถาบันกำลังติดตามแล้ว กรรมาธิการของสภา ก็ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแนะนำ ให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ควรมีความอดทน อดกลั้น ต่อความเห็นต่าง เพราะกลุ่มคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น ก็เป็นกลุ่มคนที่ออกมาติติงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาหลาย ๆ รัฐบาลเช่นกัน บางส่วนยังเป็นกลุ่มคนที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคแกนนำรัฐบาลชุดนี้อีกด้วย ความคิดเห็นของคนเห็นต่างเปรียบเสมือนแสงสว่างนำทาง ทำให้นายกฯ ทำงานด้วยความสุขุมรอบคอบมากยิ่งขึ้น
นายเศรษฐา ไม่ควรปลุกประชาชนให้สนับสนุนนโยบายด้วยการแสดงออก ว่า เห็นด้วย ชนกับพวกที่ไม่เห็นด้วย หรือพวกที่เห็นต่าง ถึงแม้ภายหลังคนของรัฐบาลจะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นยการปลุกประชาชนก็ตาม ก็ต้องเข้าใจว่าท่าทีการแสดงออกของนายกฯ ที่บอกว่า อ้อนประชาชน กับปลุกประชาชน เป็นเส้นแบ่งบาง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการทำนโยบายให้ประสบผลสำเร็จ และไม่ส่งผลดีต่อความน่าเชื่อถือต่อตัวนายกฯ เอง
เมื่อตัดสินใจจะเดินหน้า ก็ควรรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่เห็นต่าง ควรรับฟังคนที่เห็นต่างอย่างจริงจัง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจให้ละเอียดรอบคอบมากที่สุด ไม่ควรมองคนเห็นต่างเป็นเสียงนกเสียงกา พวกขาประจำ ว่ามีอคติออกมาขัดขวางการทำงานตามนโยบายที่หาเสียงไว้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: