X

‘ปวีณา’ จ่อหารือ ‘ปานปรีย์’ จัดหาเซฟเฮาส์ ในเมียนมา แก้ปัญหาการประสานงานรับเหยื่อคนไทยกลับบ้าน

กรุงเทพฯ : ‘ปวีณา’ เตรียมประสาน ‘ปานปรีย์’ รมว.ต่างประเทศ แก้ปัญหา คนไทยถูกค้าประเวณีในเมียนมา ไร้ที่พักพิงมั่นคงระหว่างประสานงานรับตัวกลับ หลัง 3 สาวไทยถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนีเสือปะจระเข้ ถูกวินรับจ้างจับตัวเรียกค่าไถ่ 5 ล้าน ซ้อมทรมาน ให้อับยา ก่อนทำแกล้งตายรอเวลา สบโอกาสจึงหลบหนี พบพลเมืองดีช่วยเหลือ ส่งทางการเมียนมา ถูกจับขังคุกนาน 4 เดือน ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย แถมเรียกค่าน้ำชา คนละ 5 หมื่น กระทั่งญาติร้องขอ ให้ปวีณาช่วย กลับมาสู่อ้อมกอดครอบครัวได้ปลอดภัย รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์

วันที่ 13 พฤษจิกายน 2566 สืบเนื่องจากช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้เป็นแม่ของ น.ส.ใหม่ (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 22 ปี ได้ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ลูกสาวของตนเองหลงเชื่อโฆษณาในติ๊กต็อก ถูกชักชวนให้ไปเที่ยวที่เมืองเชียงตุง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 18 พ.ค.66 เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกส่งไปที่เมืองป็อก ถูกยึดหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) และเอกสารต่าง ๆ พร้อมกับให้เซ็นเอกสารรับสภาพหนี้ เป็นเงินจำนวน 35,000 หยวน เป็นเงินไทยประมาณ 2 แสนบาท เพื่อส่งไปขายต่อให้กับพ่อเลี้ยงชาวจีนที่ในเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นสาขาเดียวกันกับเมืองป็อก ถูกบังคับให้เสพยาเสพติด และให้ค้าประเวณีทันที หากไม่ทำก็จะถูกทำร้ายร่างกาย ซ้อมทรมาน รวมถึงหญิงสาวอีก 2 คน อายุ 35 ปี และ 41 ปี ซึ่งถูกหลอกไปในลักษณะ และสถานที่เดียวกัน ก่อนที่ญาติของทั้งคู่จะร้องขอให้ทางมูลนิธิฯช่วยเหลือ

ภายหลังที่นางปวีณา ทราบเรื่อง จึงได้ประสานไปยัง อธิบดีกรมการกงสุล สถานทูตไทยในเมียนมา และตำรวจเมียนมา บุกเข้าช่วย ทั้ง 3 คนออกมาได้ ระหว่างรอส่งกลับที่เมืองป๊อก ทางตำรวจ ได้ให้ทั้ง 3 คน อยู่ที่บ้านพักสถานีตำรวจ เพื่อรอการประสานงานของทางเจ้าหน้าที่ไทยกับทางการของเมียนมา กลับใช้ระยะเวลานาน จนหญิงสาวทั้ง 3 คน ทนไม่ไหวกลัวว่าทางร้านจะมาเอาตัวกลับไป จึงตัดสินใจพากันหลบหนี โดยว่าจ้างรถจักรยานยนต์ 4 คัน เพื่อให้มาส่งที่ท่าขี้เหล็ก หวังจะข้ามฝั่งมายังฝั่งไทย แต่กลับถูกกลุ่มคนขับรถรับจ้าง พาไปที่เมืองแพรก โดยจับไปขังที่บริเวณกระท่อมปลายนานาน 5 วัน ซึ่งระหว่างนั้นทุกคนได้ถูกตบตี ทำร้ายร่างกาย ซ้อมทรมาน ซ้ำใช้มีดแทงเข้าที่บริเวณลำคอ และเรียกค่าไถ่ 3 คน รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท กระทั่งสบโอกาสจึงหลบหนีเข้าป่าไปขอความช่วยเหลือจากครูบนดอย จึงพาหญิงสาวทั้ง 3 เข้าไปพบกับตำรวจอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องราวอันเลวร้ายของทั้ง 3 จะจบลง แต่กลับถูกซ้ำเติมเข้าไปอีก เนื่องจาก ทั้ง 3 คน ไม่มีเอกสารหลักฐานเพื่อยืนยันตัวตน ถือเป็นความผิดในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตำรวจจึงนำตัวไปขังคุกที่เมืองแพรกนาน 4 เดือนครึ่ง กระทั่งได้รับอิสรภาพ พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภา ผกก.ตม.แม่สาย ได้แจ้งให้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ทราบ จึงไปรับตัวหญิงสาวทั้ง 3 คน กลับมาได้อย่างปลอดภัยในที่สุด

อย่างไรก็ตามสิ่งที่หญิงสาวทั้ง 3 ได้เล่าเหตุกาณ์ทั้งหมดให้ทราบ กลับมีสิ่งที่ทางรัฐบาลไทย จะต้องคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหา ทั้งในเรื่องของระยะเวลาในการติดต่อประสานงาน ซึ่งค่อนข้างล่าช้า จนทำให้เหยื่อทั้ง 3 ราย ขาดความมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิต จำต้องหนีเอาตัวรอด ไปตายเอาดาบหน้า กลายเป็นหนีเสือไป เจอเอากับจระเข้ หนีจระเข้ ไปพบกับหมาป่า เนื่องจากคิดว่าทางการของประเทศเมียนมาจะช่วยได้ แต่กลับถูกดำเนินคดีต่อ ซ้ำร้ายช่วงระหว่างที่ถูกดำเนินคดีอยู่นั้น กลับถูกยืดระยะเวลาการจำคุก เพื่อรอเรียกเงินคนละ 5-6 หมื่นบาท ของทางการเมียนมา โดยให้เหตุผลว่า “เป็นค่าน้ำชา” ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ด้านนางปวีณา ได้ให้ความเห็นว่า โดยปกติแล้วทางการเมียนมาค่อนข้างจะเข้มงวดมากกับเรื่องดังกล่าว หากพบมีการกระทำความผิด จะถูกดำเนินคดี ติดคุกสถานเดียว แต่กรณีนี้มันค่อนข้างที่จะแปลกไปนิด เพราะติดคุกนานหลายเดือน โดยปกติแล้วก็น่าจะติดซักประมาณ 10-20 วัน ทางกระทรวงการต่างประเทศจะต้องหาวิธีแก้ปัญหา หากเปรียบกับประเทศอื่น ๆ อย่าง เซาท์ แอฟริกา,บาห์เรน หรือแม้แต่ดูไบ 10-11 ชม.ก็สามารถประสานการช่วยเหลือเหยื่อได้แล้ว อีกประการสำคัญ ทางการไทย เราควรจะมีสถานที่พัก หรือ เซฟเฮาส์ เป็นของตัวเอง ไว้สำหรับเป็นที่พักของเหยื่อคนไทย ระหว่างรอการประสานงานจากทางการไทย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นช่องว่างที่เรายังขาดอยู่ ซึ่งตนเองจะได้นำปัญหาเหล่านี้ไปพูดคุยหารือกับ รวม.กระทรวงการต่างประเทศ ท่านรองนายกฯ ปานปรีย์ พหิทธานุกร เพื่อหาทางแก้ไขอุดช่องว่างระหว่าง 2 ประเทศ ต่อไป

นางปวีณายังกล่าวอีกว่า เคสนี้ตนเองเตรียมที่จะเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในวันอังคารที่ 14 พ.ย.นี้ เพื่อให้รับช่วงต่อทางคดี นำส่ง ป.ค.ม. ขยายผลเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้เป็นธุระจัดหา ติดตามตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ เนื่งจากพบว่ามีคนไทยซึ่งเป็นนายหน้าในการเปิดช่องทางติดต่อผ่านแอบพลิเคชั่นติ๊กต๊อก รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเมียนมา จูงใจให้เหยื่อหลงเชื่อ ด้วยเรทราคาประหยัด เที่ยวก่อนจ่าย กระทั่งเหยื่อตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวตามที่กลุ่มมิจฉาชีพแนะนำ ก่อนลอยแพในประเทศ จับตัวไปขายเป็นทอด ๆ

ทั้งนี้นางปวีณายังฝากเตือนไปยังคนไทยทุกคน ที่คิดจะไปทำงานในต่างประเทศ หรือหากถูกชักชวนไปเที่ยวก็ตาม ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากทางราชการให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ หรือ ที่มูลนิธิปวีณาฯ ก็ได้ เพื่อจะได้ไม่ตกไปเป็นเหยื่อ หากหลงเชื่อเดินทางไปอาจถูกกักขัง ซ้อมทำร้าย บังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย และบังคับให้ค้าประเวณี บางคนถึงกับเอาชีวิตไม่รอดก็มี ซึ่งในบางพื้นที่ของต่างประเทศ ยากต่อการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกคน จะเห็นได้ว่าในแต่ละปีมีเหยื่อจำนวนมากที่ถูกหลอกเข้าไปในประเทศเมียนมา ทั้งถูกหลอกบังคับให้ค้าประเวณี และถูกหลอกไปเป็นเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ตามเมืองเล้าก์ก่าย เมืองมัณฑะเลย์ เมืองป็อก เมืองหนึ่ง ปี 66 นี้ มีเหยื่อประสานขอความช่วยเหลือมารวมทั้งสิ้น 87 ราย แบ่งเป็นคอลเซ็นเตอร์ 62 ราย ถูกบังคับค้ามนุษย์ ค้าประเวณี 25 ราย วันนี้ช่วยเหยื่อที่ถูกบังคับไปค้ามนุษย์มาได้ 3 ราย โดยประสานไปยังนายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การช่วยเหลือ ดังนั้นยังมีเหยื่อที่รอการช่วยเหลืออยู่อีก 84 ราย

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of กิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์

กิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์

ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นเว็บไซต์ 77 ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช แพลตฟอร์มชุมชนข่าวสาร 77 จังหวัด พบกับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง กับข่าวท้องถิ่นทั่วประเทศ