นครศรีธรรมราช : เจ้าอาวาสวัดพระหอม อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่สบายใจ เรียกกรรมการบริหารวัดพร้อมชาวบ้านประชุม แก้ปัญหาความขัดแย้ง ปมเงินวัด ข้อพิพาทระหว่าง กก.ชุดเก่า กับ กก.ชุดใหม่ ใครผิดใครถูก ถึงขั้นขู่ฆ่า ไวยาวัจกร ร้องสื่อช่วยเคลียร์ปัญหา ไม่จบ เลิกประชุมกลางคัน หลังเกิดปากเสียงกัน
วันที่ 19 ธันวาคม 2566 ที่ศาลาเอนกประสงค์คุณแม่กัญหา จิตต์ตั้ง วัดพระหอม หมู่ 4 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พระปลัดผไท เมธิโก เจ้าอาวาสวัดพระหอม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารวัด (กก.บห.) เพื่อชี้แจงการบริหารงานของคณะกรรมการชุดปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 64-66 เพื่อให้การบริหารงานวัดพระหอมเกิดความโปร่งใสมากขึ้น หลังเกิดปัญหาความไม่เข้าใจขึ้นระหว่างชาวบ้านในพื้นที่ กับคณะกรรมการบริหารวัดชุดปัจจุบัน รวมถึงปัญหาค้างเก่าของคณะกรรมการบริหารวัดชุดที่ผ่านมา โดยมีชาวบ้านในพื้นที่กว่า 150 คน เข้าร่วมฟังการชี้แจง โดยที่ประชุมได้มีการหยิบยกการทำงานของคณะกรรมการชุดปัจจุบัน มีการสับเปลี่ยนกันขึ้นมาสอบถามเรื่องการบริหารงานตลอดช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา
พระปลัดผไท เมธิโก เจ้าอาวาสวัดพระหอม ได้ขอให้ทาง กก.บห.วัด ชี้แจงงบประมาณ รายรับ-รายจ่าย ที่ได้ดำเนินการทั้งหมด เพื่อความสุจริต และเป็นธรรม เพื่อให้ทางวัดได้ทราบความเคลื่อนไหวในการทำงาน ไม่ต้องการให้ กก.บห.ทำงานคิดเห็นเพียงกลุ่มเดียว อย่างน้อยเจ้าอาวาสต้องทราบว่าจะก่อสร้างอะไรภายในวัด และจะหาเงินจากไหนมาสร้าง เมื่อชาวบ้านถามเจ้าอาวาสจะได้ตอบคำถามชาวบ้านได้
ด้าน นายฉัตรชัย ขุนชำนาญ อดีตข้าราชการครู ในฐานะ ไวยาวัจกรวัดพระหอม เปิดเผยว่า ตนเองและคณะกรรมการชุดปัจจุบัน ได้เข้ามาทำงานตั้งแต่ปี 2564-2566 ดูแลสมุดบัญชีธนาคารของวัดด้วยกัน 4 เล่ม ประกอบด้วย บช.ปาล์มน้ำมัน, บช.วัด, บช.กฐิน และ บช.ก่อสร้างอุโบสถ โดยมี กรรมการทั้งหมดร่วมเป็นผู้เบิกถอน บช. 3 คน ห้ามซ้ำกัน ซึ่งตนเองได้ทำ บช.รายรับ-รายจ่ายไว้ทุกบัญชี เพื่อความโปร่งใสในการทำงานของกรรมการทุกคน
“ผมทำงานด้วยความตั้งใจ และโปร่งใส ไม่ได้คิดมาแสวงหาผลประโยชน์กับวัดแต่อย่างใด ที่ผ่านมามีชาวบ้านบางรายไม่พอใจ ถึงขั้นขู่ฆ่า มายืนด่าถึงหน้าหน้าบ้านพัก เรื่องนี้ กรรมการทราบกันทุกคน ไม่เคยเอาเงินวัดมาใช้ส่วนตัวแม้แต่น้อย จะไปไหนมาไหนใช้เงินส่วนตัวตลอด ทำงานแบบจิตอาสา ผมยืนยันว่าผมโปร่งใส ตรวจสอบได้”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่นายฉัตรชัยกำลังชี้แจงอยู่นั้น ได้มีชายวัยรุ่นซึ่งมีท่าทีที่ไม่พอใจ เดินเข้ามาหาเรื่อง ชี้หน้าด่าต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมประชุม จึงทำให้การประชุมต้องเป็นอันเลิกไปโดยปริยาย ทั้งที่การประชุมยังไม่เสร็จราบรื่นดี
สาเหตุที่มีการประชุมในครั้งนี้ ก็เพราะว่า มีกรรมการชุดเก่าบางคนเสียผลประโยชน์จากเงินทอนวัด จึงได้ปลุกระดมชาวบ้านสร้างความวุ่นวาย สร้างความเกลียดชังต่อกรรมการชุดใหม่ สามารถดูได้จากหลักฐานที่จะเอาเงินทอนวัด ซึ่งเป็นบิลค่าไม้ที่กรรมการชุดเก่าบางคนยื่นเพื่อขอเบิกเงินวัด ค่าไปซื้อไม้สำหรับแกะสลักเสาพระอุโบสถ ซึ่งราคาค่าไม้ไม่ตรงตามความเป็นจริง หากคิดค่าไม้จริง ๆ เป็นเงิน 53,460 บาท แต่ขอเบิกเป็นเงินถึง 115,830 บาท ซึ่งมีส่วนต่างถึง 62,370 บาท
นายฉัตรชัย ยังกล่าวอีกว่า ตนเเองเข้ามาเป็นไวยาวัจกรวัดพระหอมเมื่อปี 2564 ซึ่งอยู่ในกรรมการชุดใหม่ เริ่มมีขบวนการของกรรมการชุดเก่าเพื่อทำลายกรรมการชุดใหม่ โดยเฉพาะตนเอง โดยใส่ความกับชาวบ้านว่า ครูฉัตรชัยอยู่วงการไหนวงการนั้นแตกแยก ลำดับต่อมาได้ไปเป่าหูพ่อท่านบุญให้ ซึ่งเป็นพระที่ชาวบ้านเคารพนับถือว่า คณุฉัตรชัย จะเข้าไปควบคุมเงินส่วนตัวของพ่อท่าน ทำให้พ่อท่านเข้าใจผิด พระของวัดพระหอมจะออกจากวัดไปทั้งหมด ซึ่งเมื่อตนเองรู้เข้า จึงไปถามท่านว่า บอกท่านแต่ท่านไม่บอก ตนเองเลยบอกพ่อท่านว่า ไม่เป็นความจริง อย่าว่าจะพูด แม้แต่คิดยังไม่มี พระเลยไม่ไปจากวัด ต่อมากรรมการชุดเก่าบางคนยังไม่ลดละ ได้อยู่เบื้องหลังในการข่มขู่ให้ตนเองตกใจกลัว ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว จนเจ้าอาวาสได้เรียกประชุมชาวบ้าน และได้เกิดความวุ่นวายในที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง วันนี้
วันที่ตนเองถูกข่มขู่นั้น ในคืนของวันที่ 28 พ.ย.66 เวลา 23.30 น. ขณะที่ตนเองอยู่ภายในบ้าน ได้ยินเสียงมีคนมาตะโกนด่าและท้ายิง เลยตะโกนถามกลับไปว่าเป็นใคร มีเรื่องอะไร แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ จนมีเสียงตะโกนขึ้นมาอีกครั้งว่า หากเกิดเป็นลูกของคนให้ออกมา จึงตัดสินใจออกจากตัวบ้านไปดู กลับไม่เห็นใคร เลยขับรถออกไปประมาณ 50 เมตร ก็ได้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ที่บ้านของนายเหมียด (นามสมุติ) จึงเวียนรถกลับมาหยุดถาม ว่าเห็นใครที่ไปตะโกนด่าตนเองบ้างไหม ทันใดนั้น ก็มีนายวันชัย ชูเสน เดินลงมาจากตัวบ้านของนายเหมียด พร้อมกับอาวุธปืนพกสั้น แต่โชคดีที่มีนายมนตรี ปานนิ่ม ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ม.6 ต.ท่าขนาน อ.เชียรใหญ่ ดึงมือเอาไว้ จึงตัดสินใจขับรถกลับบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้าย พอถึงรุ่งเช้า ตนเองก็ได้เห็นกรรมการวัดชุดเก่าคนหนึ่ง ซึ่งไปนั่งอยู่ที่บ้านของนายเหมียด จึงเข้าใจได้ว่า กรรมการชุดเก่าคนนี้น่าจะอยู่เบื้องหลัง ในเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงให้นายวันชัย ชูเสน มาด่าทอถึงหน้าบ้าน พร้อมกับข่มขู่ กระทำให้ตกใจกลัว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังการประชุมถุกยกเลิกกลางคัน กรรมการทั้งหมด ได้ประชุมหารือกันนอกรอบ โดยพูดคุยกันว่า จะส่ง บช.ปาล์มน้ำมัน และ บช.เช่าที่นา ซึ่งพื้นที่ปาล์มน้ำมัน เป็นที่ราชพัสดุ และที่นาเป็นของวัด เมื่อมีผลอาสิน ทางวัดก็ต้องมีรายได้ เพื่อนำมาใช้จ่ายหมุนเวียนในการดูแลวัดต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: