ปทุมธานี : กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บก.ปคบ. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทลายโรงงานลูกชิ้นเถื่อนย่านปทุมธานี ตรวจค้น 2 จุด ยึดของกลางกว่า 31 รายการ มูลค่ากว่า 210,000 บาท
สืบเนื่องจากช่วงเดือน ธันวาคม 2566 กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ทำการจับกุมโรงงานลูกชิ้นเถื่อนย่านปทุมธานี ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีการส่งขายลูกชิ้นทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กว่า 10 แห่ง และได้ประชาสัมพันธ์จนเป็นกระแส “ลูกชิ้นสกปรก” ในสื่อออนไลน์แล้วนั้น
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสื่อมวลชน สมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคม ให้ตรวจสอบการผลิตและจำหน่ายลูกชิ้นเถื่อนในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เนื่องจากสมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคม ได้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ โดยร่วมเปิดซุ้มแจกเมนูลูกชิ้นให้เด็ก ๆ รับประทาน ตามสถานที่ ต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานของรัฐ และเอกชน ที่มีการจัดงาน ซึ่งได้รับความสนใจ จากเด็กและประชาชนจำนวนมาก แต่ปรากฎว่า มีผู้ปกครองเข้ามาสอบถามทีมงานผู้สื่อข่าวถึงที่มาของแหล่งลูกชิ้น กลัวว่าจะเป็นลูกชิ้นสกปรกที่ถูกจับกุม ที่เป็นข่าว เพื่อความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงสืบสวนหาข่าว พบว่า ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ยังมีโรงงานที่ลักลอบผลิตลูกชิ้นเถื่อนอีก 2 แห่ง โดยลักลอบผลิตลูกชิ้นจำนวนมาก ในสถานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แพ็คบรรจุส่งขายตามตลาดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี, กรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายแห่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการลงพื้นที่สืบสวนจนทราบถึงแหล่งผลิตลูกชิ้นดังกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
- นนทบุรี หนุ่มวัย 24 เห็นรุ่นพี่เมา หวังดีอาสาขี่รถ จยย.ส่งบ้าน เกิด พลาดเสียหลักล้มถูกแท็กซี่ชนทับซ้ำดับคาที่
- สนามแข่งบุญชิงถ้วยพระราชทานงานพ่อโสธร เจ้าถิ่นครองเจ้าสนาม 55 ฝีพาย
- คืนลอยกระทงทหารร่วมกับจนท.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจับไม้ซุกในรถยนต์กระบะ 3 คัน
- นบ.ยส.24 โดย ร้อย.ฉก.ทพ.2101 โชว์ฝีมือจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 12,000 เม็ด
เจ้าหน้าที่ได้ทำการขอหมายค้นใน ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จำนวน 2 จุด ได้แก่
1. บ้านพักอาศัยหลังหนึ่ง อยู่หมู่ 4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งดัดแปลงเป็นโรงงานผลิตลูกชิ้น พบนายสุนทร (สงวนนามสกุลจริง) แสดงตนเป็นเจ้าของกิจการผลิตภัณฑ์ และรับว่าทำมาแล้วเป็นเวลา 1 เดือน ตรวจยึดของกลางรวมกว่า 22 รายการ ประกอบด้วย ลูกชิ้นบรรจุถุงไม่มียี่ห้อ และลูกชิ้นยี่ห้อต่าง ๆ รวม 7 ยี่ห้อ จำนวนกว่า 2,000 ถุง ได้แก่ ลูกชิ้นหมูตราตี๋ใหญ่ฯ, ลูกชิ้นหมูเมืองทอง ตราโกดี KODEE, ลูกชิ้นหมูเมืองทองตราที.เค, ลูกชิ้นหมูตราตี๋เล็ก, ลูกชิ้นเนื้อตราตี๋ใหญ่, ลูกชิ้นเนื้อ ตรา เฮง และลูกชิ้นเนื้อตราเมืองเอก พร้อมกับถุงบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่ลูกชิ้น จำนวน 1,800 ใบ รวมถึงวัตถุดิบที่นำมาผลิตลูกชิ้น อาทิ เนื้อไก่, มันหมู และเครื่องบด จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องตีผสม 1 เครื่อง, เครื่องปั้นลูกชิ้น 2 เครื่อง, หม้อต้มลูกชิ้น 2 ใบ และอุปกรณ์ในการผลิตลูกชิ้นพร้อมส่วนผสมต่าง ๆ
2. บ้านพักอาศัยหลังหนึ่ง ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งดัดแปลงเป็นโรงงานผลิตลูกชิ้น พบนางสาวเพชรนภา (สงวนนามสกุลจริง) แสดงตนเป็นเจ้าของกิจการผลิตภัณฑ์ และรับว่าทำมาแล้วเป็นเวลา 5-6 เดือน ตรวจยึดของกลางรวมกว่า 9 รายการ ประกอบด้วย ลูกชิ้นบรรจุถุงไม่มียี่ห้อ และลูกชิ้นยี่ห้อต่าง ๆ รวม 2 ยี่ห้อ จำนวนกว่า 400 ถุง ได้แก่ ลูกชิ้นหมู AR, ชาย 2 ลูกชิ้นหมู, วัตถุดิบที่ผลิต พร้อมเครื่องบด 1 เครื่อง, เครื่องผสม 1 เครื่อง, เครื่องปั่นลูกชิ้น 2 เครื่อง, เครื่องผสม 1 เครื่อง และ 8. อุปกรณ์ในการผลิตลูกชิ้นพร้อมส่วนผสมต่าง ๆ
นายสุนทรฯ และนางสาวเพชรนภา (สงวนนามสกุลจริง) รับสารภาพว่า ได้ทำการผลิตลูกชิ้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากจาก อย.และ สสจ.ปทุมธานี โดยลูกชิ้นหมูยี่ห้อดังกล่าวไม่แสดงเลขสารบบอาหาร (ไม่ผ่าน อย.) ซึ่งเนื้อหมู และเนื้อไก่ที่ใช้เป็นวัตถุดิบซื้อมาจากตลาด แล้วนำมาผลิตเป็นลูกชิ้นที่ไม่ได้มาตรฐานส่งขายให้ลูกค้าตามตลาดสดในพื้นที่ปทุมธานี, กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ตลาดรังสิต ตลาดคลองเตย ตลาดไทย เป็นต้น จากนั้นจะมีผู้ค้ารายย่อยมารับสินค้าไปกระจายต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 จุด มีกำลังการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นวันละประมาณ 500 กิโลกรัม เฉลี่ยเดือนละ 15,000 กิโลกรัม
ทั้งนี้ได้เก็บตัวอย่างอาหารเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ หาสารบอแรกซ์ ชนิดและปริมาณวัตถุกันเสีย และจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบสารต้องห้ามในอาหารเพิ่มเติม จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน“ผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ฐาน ‘จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง’ ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: