แม้ตัวจะอยู่ไกล แต่ก็ไม่ลืมประเทศไทยที่รัก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ส่งข้อความตรงมาจาก ประเทศสก็อตแลนด์ ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น ระบุว่า
“ถึงแม้ผมใกล้จะไปดินแดนแห่งความสงบ ผมยังเรียกร้องความยุติธรรมที่ถูกกลั่นแกล้งจาก
‘ผู้เสแสร้งทำดีเพื่อสังคม’ ในชีวิตของผมเคยถูกคนกลั่งแกล้งสารพัด แม้จะถึงวาระสุดท้าย
แต่ผมยังยึดหลัก ‘ชีวิตกับสู้ของคู่กัน’ สักวันความจริงจะปรากฎ ไม่ว่านานสักเพียงใด
ของเก๊ มันคือของเก๊วันยังค่ำ ร้องเรียนหวังเงินทองนี่เอง มิน่าเล่าเฝ้าร้องเรียน
ขอความเป็นธรรมให้ผม ก่อนจะหลับตาในดินแดนความสุขอันเป็นนิรันดร
แล้วได้แต่หวังว่า คงมีสักคนที่ยังคิดถึงผมบ้าง”
กาลครั้งหนึ่ง ไม่นานสักเท่าไหร่
มีโมฆะบุรุษนาม “สีสากกะเบือ” ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง
เที่ยวหากินตามงานวัดหลอกชาวบ้านไปวัน ๆ
เมื่อเห็นว่าหลอกคนได้ง่าย แค่เล่าเรื่องโกหกพกลมคนก็เชื่อ
จึงคิดการใหญ่ ทำตัวเป็น ‘คนดีศรีสังคม’
อันสังคมไทยมักเชื่อถือคน ‘มือถือสากปากถือศีล’
แค่ทำท่ากราบไหว้พระสงฆ์องค์เจ้า คนไทยก็หลงเชื่อลีลาชี้นิ้วโกหก
อาชีพ ‘ร้องเรียนแล้วแบล็คเมล์’ มันช่างหากินง่ายเสียเหลือเกิน
เรื่องไหนเห็นว่าจะได้สตางค์ไม่มีรีรอ ทำตัวดั่ง ‘พระเวชสันดรมาโปรดสัตว์’
แต่ที่ไหนได้ พอโปรดได้ที่ก็ตีกิน หากไม่ใช่ของแท้ย่อมหวั่นไหว
เสมือนหนึ่งในภาษากฎหมายเรียก ‘ขู่กรรโชก’ กระตุกให้สะดุ้งแล้วรอเคลียร์
เพราะเกรงกลัวอิทธิพลคนใช้สื่อเป็นเครื่องมือ บรรดาข้าราชการกลัวหัวหด
เมื่อได้ยินชื่อ ‘สี’
พวกสีขาวไม่อยากมีเรื่องต่อความยาวสาวความยืด จึงจ่ายดีกว่า
ยิ่งพวกเทา ๆ แทบจะรีบเอาเงินสดใส่ลังเบียร์ไปแกล้งลืมไว้ถึงที่บ้าน
สังคมมันบัดซบ คนชั่วมันถึงหากินแบบนี้ได้
ขอเตือนสื่อไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ศาลาคนชั่วแสร้งทำดี’
มันช่างเลวกว่า “คนเลวที่ยอมรับว่าเลว”
สังคมต้องระวัง เพราะเชื่อหรือไม่ว่ารายนี้ไม่ใช่รายแรก และไม่ใช่รายสุดท้ายแน่นอน
คนใกล้ตายอย่างผมไม่เสียเวลาเล่าเรื่องโกหก
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
26 มกราคม 2567
ที่มา : เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ที่อ้างว่าเป็นข้อความจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ 5 / 5. จำนวนโหวต: 3