กรุงเทพฯ – ตำรวจไซเบอร์ ลุยค้น 2 เป้าหมาย จ.นครศรีธรรมราช จับแอดมินเพจ ลักลอบทำป้ายทะเบียนรถปลอม พร้อมของกลาง 176 แผ่น โพสต์โฆษณาขายผ่านเฟซบุ๊ก
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) 5 แถลงข่าว กรณีตำรวจไซเบอร์สืบทราบว่า มีคนร้ายลักลอบปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถ โดยโพสต์โฆษณาผ่านเฟบุ๊กในกลุ่มลับ รับทำป้ายทะเบียนรถทุกชนิดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
จึงแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเพื่อรวบรวมข้อมูล และติดต่อขอซื้อป้ายทะเบียนรถ พบว่าคนร้ายรับทำและจำหน่ายในราคาแผ่นละ 600-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของยานพาหนะ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแผ่นป้ายทะเบียนที่สั่งซื้อ จึงส่งตรวจพิสูจน์ ที่กรมการขนส่งทางบก พบว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอม
สืบสวนต่อ จนสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า นายนันทวุฒิ หรือเต้ อายุ 42 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช เป็นแอดมินเพจออนไลน์ดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลออกหมายค้นและหมายจับ
ข่าวน่าสนใจ:
- ชัยภูมิปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบช่วงคริสต์มาส-เทศกาลต้อนรับปีใหม่!
- THACCA ร่วมกับ วธ. สนับสนุน 220 ล้านบาท ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซอฟต์พาวเวอร์ไทย
- ตรัง จับแล้วมือค้อนทุบหัวฆ่าโหดพ่อค้าปลาสวยงาม กลางงานลอยกระทงกันตัง ทิ้งศพกลางงาน หลักฐานชัด จุดทิ้งมือถือ-โผล่กดเงินสดผู้ตาย
- นครฯ - ลือหึ่ง แรงงานกว่าครึ่งร้อยโรงไม้ยางเมืองคอน เสี่ยงตกงาน! หวั่นชวดชดเชย
ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 นำหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 บ้านพักของนายเต้ ใน ม.4 ต.ท่าซัก อ.เมืองนครศรีธรรมราช สามารถจับกุมนายเต้ บุคคลตามหมายจับ พร้อมของกลางแผ่นป้ายทะเบียนปลอมประเภทต่าง ๆ 67 แผ่น จุดที่ 2 ห้องพักตึกแถว ใน ม.9 ต.สะพานยาว อ.เมืองนครศรีธรรมราช ที่นายเต้เปิดเป็นร้านรับทำป้ายทะเบียนปลอม ตรวจค้นพบแผ่นป้ายทะเบียนปลอมประเภทต่าง ๆ อีก 109 แผ่น ที่เตรียมจัดส่งให้แก่ลูกค้าจากทั่วประเทศ
เบื้องต้น นายเต้ สารภาพว่า เป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กรับทำป้ายทะเบียนปลอมจริง โดยประมาณปี 2562 เปิดร้านทำกรอบป้ายกันน้ำให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ต่อมา ประมาณปี 2564 เริ่มเห็นช่องทางการสร้างรายได้ทางออนไลน์ จึงสร้างเฟซบุ๊กแฟนเพจและกลุ่มลับ เพื่อรับทำป้ายปลอม โดยคิดค่าจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนปลอมจากลูกค้าที่สนใจ ในราคาแผ่นละ 600-1,000 บาท โดยในแต่ละเดือน มีลูกค้าจากทั่วประเทศติดต่อเข้ามาสั่งซื้อเจำนวนมาก ทำให้มีรายได้ประมาณ 30,000-50,000 บาทต่อเดือน ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: