กรุงเทพฯ : ตำรวจภูธรภาค 1 โชว์ผลงาน จับเครือข่ายขนยาบ้า 10 ล้านเม็ด ซุกรถขนปูนจากภาคเหนือ ส่งผู้ค้าพื้นที่สระบุรี มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ผู้ต้องหารับสารภาพ ได้ค่าขนเที่ยวละ 100,000 บาท
วันที่ 18 มีนาคม 2567 พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทจิระสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดพะเยา โดยสามารถตรวจยึดยาบ้าได้กว่า 10,000,000 เม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้ขยายผลข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์ และเส้นทางการเงินจากคดียาเสพติดสำคัญในพื้นที่อำเภอ บางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยมีความเชื่อมโยงกัน และสืบทราบว่ามีทีมลำเลียงยาเสพติดกำลังลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อมาส่งมอบให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย จึงได้วางกำลังติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายวสันต์อายุ 33 ปี และนายยศพลอายุ 30 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 50 กระสอบ กระสอบละ 5,000 มัด หรือประมาณ 10,000,000 เม็ด ขณะกำลังลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวมากับรถขนปูน เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยมีรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส 1 คัน ขับนำหน้าเพื่อสำรวจเส้นทาง ผ่านพื้นที่ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรีขาเข้า ต.ป่าตาล อ.เมือง จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถ 2 คัน ที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด และอาวุธปืนซิกซาวเออร์ขนาด 9 มม.บรรจุกระสุน 14 นัด อีก 1 กระบอก พร้อมกับยาเสพติดไว้ทั้งหมด
เบื้องต้น นายวสันต์ให้การรับสารภาพว่า ได้ขับรถบรรทุกยาเสพติดมาจาก จ.พะเยา เพื่อมาส่งมอบให้กับผู้รับในพื้นที่ จ.สระบุรี โดยใช้รถขนปูนส่วนตัวลำเลียงยาเสพติด ได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท ส่วนนายยศพล ผู้ขับรถนำทางจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งสองรายในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งโดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และแจ้งข้อกล่าวหากับนายวสันต์ ในความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเพิ่มเติม พร้อมเตรียมขยายผลไปยังกลุ่มลูกค้าผู้สั่งการ และเครือข่ายที่เหลือ รวมถึงตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อดำเนินมาตรการตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อตรวจสอบยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่อไป สำหรับยาเสพติดที่จับกุมได้ครั้งนี้ หากถูกนำจำหน่ายในท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 300 ล้านบาท
