กรุงเทพฯ : ปฏิบัติการ “Cyber Chase” 4 คดีใหญ่ ภัยออนไลน์ กลุ่มมิจฉาชีพต่างแดน นำเงินไทยทะลักออกนอกประเทศ แปลงเป็นเงินดิจิทัล ก่อนฟอกให้สะอาด โดยการซื้อทรัพย์สิน ที่ปรึกษา ดีอี รับ ตามกลับยาก แต่ขณะเดียวกันเงินต่างชาติก็ไหลเข้า
วันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่อาคารสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี) นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) พร้อมด้วย พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.), พลตำรวจตรี อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พลตำรวจตรี นิพล บุญเกิด ผู้บังคับการ สอท.2, พลตำรวจตรี สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, และ พลตำรวจตรี ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการ “Cyber Chase” ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับทางตำรวจไซเบอร์ ปฏิบัติการเชิงรุกกับกลุ่มผู้กระทำความผิดใน 4 คดีสำคัญ โดยคดีที่ 1 ปฏิบัติการจับกุม 6 บัญชีม้าข้ามแดนไปสแกนหน้า ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายแอบอ้างเป็นกรมที่ดิน ผลการปฏิบัติของ สอท.3 ปฏิบัติการที่ 2 ตำรวจไซเบอร์ทลายเครือข่ายนายหน้าบัญชีม้า โพสต์ขายในกลุ่มลับ ‘บัญชีม้า’ พบมีสมาชิกมากกว่า 16,000 คน ผลการปฏิบัติของ สอท.5 ปฏิบัติการที่ 3 ตำรวจไซเบอร์ค้นบ้านนักสะสมปืนออนไลน์ ของกลางอาวุธปืน 10 กระบอก และเครื่องกระสุนจำนวนมาก ผลการปฏิบัติของ สอท.2 และปฏิบัติการที่ 4 ตำรวจไซเบอร์ทลายเครื่อข่ายเว็บพนันออนไลน์ auto.lengame888 ที่มีจำนวนผู้เล่นกว่า 47,000 คน จับกุมผู้ต้องหา 8 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท มีเงินหมุนเวียนปีละกว่า 180 ล้านบาท ผลการปฏิบัติของ สอท.2
โดยนายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มีข้อสั่งการให้ทางกระทรวงปฏิบัติงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีทางหน่วยงาน สอท.ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด จนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ มีด้วยกัน 4 คดีใหญ่ ๆ เริ่มจาก กลุ่มเครือข่ายบัญชีม้า ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ซึ่งจะเห็นได้ว่า กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ชอบแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ บางครั้งเป็นหน่วยงานของการไฟฟ้า จนประชาชนหลงเชื่อ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงกลุ่มนายหน้าจัดหาบัญชีม้า กลุ่มเว็บพนันออนไลน์ และการจับกุมอาวุธปืน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการขยายผลเพื่อตัดวงจรการกระทำความผิด และไม่ให้ประชาชนตกไปเป็นเหยื่อ เป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมีการปฏิบัติการจับกุมกันอย่างต่อเนื่อง
ด้านพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับและเน้นย้ำให้กับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ 3 เรื่อง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงเรื่องเว็บพนัน ซึ่งมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำความผิดทุกประเภท ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของอาวุธปืน เป็นการนำไปใช้ก่อเหตุประทุษร้ายกับประชาชนทั่วไป และเรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของภัยออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักใจของทางรัฐบาลเป็นอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ดำเนินการตรวจสอบจับกุมอย่างเข้มข้น และต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรก็ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน อย่าไปหลงเชื่อกับภัยเหล่านี้เป็นอันขาด ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการจับกุมทุกวัน ในขณะเดียวกันก็จะมีประชาชนหลงเชื่อตกไปเป็นเหยื่อในทุกวันเช่นกัน ยกตัวอย่างคดีที่เกี่ยวกับบัญชีม้า เจ้าหน้าที่จับกุมทุกอาทิตย์ แต่ก้ยังมีคนสนใจไปสแกนใบหน้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ แม้จะได้ค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย แต่รู้หรือไม่ว่า โทษของคดีสูง ศาลพิพากษาจำคุกถึง 2 ปีไม่รอลงอาญา ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย หากพบไปพัวพันกับเรื่องฉ้อโกงประชาชนด้วย โทษก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก สำหรับกลุ่มของเว็บพนัน หากพบการกระทำความผิด จับกุมได้ สิ่งที่ตามมาคือ ทางเจ้าหน้าที่จะทำการยึดทรัพย์ทุกอย่างที่มี ยิ่งหากตรวจพบว่าเป็นการจัดให้เล่นการพนัน ทางคดีเจ้าหน้าที่จะทำการคัดค้านการประกันตัวในทันที และหากเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้อง อัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง เจ้าพนักงานจะมีความเห็นแย้งในทุกกรณี เพราะถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม
เมื่อถามว่า การจับกุมที่ผ่านมาได้มีการทำสถิติหรือไม่ว่า เงินไทยได้ไหลออกไปนอกประเทศเป็นจำนวนเท่าไหร่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ทางหน่วยงานได้รวบรวมผลการจับกุมและผลการยึดทรัพย์ไว้ โดยจะทำการรวบรวมแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนเงินไหลออกนั้นเราไม่ทราบ แต่ผลการยึดทรัพย์มีกว่า 14,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ด้านนายสุทธิเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางกระทรวงได้ตรวจพบว่า เงินส่วนใหญ่ที่ไหลออกนอกประเทศ ก็จะถูกโยกไปเป็นรูปแบบเงินดิจิทัล หรือเงินคริปโทเคอร์เรนซี่ ก่อนนำไปซื้อทรัพย์สินที่ถูกกฎหมาย ในรูปแบบการฟอกเงิน ซึ่งจุดนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากมากต่อการติดตาม โดยจุดนี้เองทางกระทรวงเองก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่ให้เม็ดเงินไหลออกไปนอกประเทศได้ สิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้คือติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้าน ในการช่วยกันเร่งปราบปรามพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เม็ดเงินเราไหลออก เงินจีนหรือเงินที่อื่นก็ไหลเข้า ก็จะเกิดการหมุนเวียกันอยู่แบบนี้ จึงเกิดการตั้งกลุ่มปราบปรามขึ้นมาระดับอาเซียน
สำหรับการจับกุมทุกครั้งที่ผ่านมา โดยบอกว่า จะมีการสาวไปถึงตัวการใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศนั้น ในตอนนี้ทาง สอท.มีรายชื่ออยู่ในบัญชีแล้วหรือยัง พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ตอนนี้เราได้ข้อมูลเปรียบเทียบของชาวต่างชาติที่อยู่ตามประเทศเพื่อนบ้าน ว่ามีกลุ่มแก๊งอยู่จำนวนเท่าไหร่ โดยจะนำมาสแกนใบหน้าเปรียบเทียบกับทางข้อมูลของ ตม.ที่มีการเข้าออกไทย หากพบตรงกัน ก็จะทำการออกหมายแดง และขอความร่วมมือไปยังประเทศนั้น ๆ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ซึ่งในตอนนี้มีข้อมูลแล้วพอสมควร
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: