นครศรีธรรมราช : ไซเบอร์ ร่วม DSI และ กสทช. บุกจู่โจมตรวจค้น เป้าหมาย 4 จุดใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน รวบผู้ต้องหาไทย-จีน 71 คน ของกลาง คอมพิวเตอร์ รวม 200 เครื่อง และมือถึอนับ 1,000 เครื่อง รอขยายผลต่อ
ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ นำโดย พลตำรวจตรี ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการ สอท.5 ภายใต้การสั่งการของ พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญขาการ สอท. ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจภูธรภาค 8 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.ฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย เปิดปฏิบัติการเข้าปูพรมตรวจค้น 4 จุด ใน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่
หลังสืบทราบว่า มีการลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกคนไทยและคนจีน ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมหัวหน้าขบวนการชาวจีน และผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและคนจีนได้มากถึง 71 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นคอมพิวเตอร์รวมกว่า 200 เครื่อง โทรศัพท์มือถือกว่า 1,000 เครื่อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกหลายรายการ ไว้เพื่อขยายผล
การปฏิบัติงานครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และ กสทช. ใช้เวลาสืบสวนสอบสวน หาข้อมูล รวบรวมหลักฐาน เป็นระยะเวลาร่วม 3 เดือน ภายหลังพบการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ผิดปกติของเป้าหมายทั้ง 3 จุด จนแน่ชัด จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลัง นับ 100 นาย ลงพื้นที่บุกจู่โจมตรวจค้นทั้ง 3 จุดใหญ่ ประกอบด้วย โรงแรม 4 ชั้น 5 คูหา ทาวน์เฮาส์ และบ้านหรูที่ปลูกติดกัน 3 หลัง ใน ต.จันดี และ ต.นาบอน อ.ฉวาง
ภายหลังค้นทั้ง 3 จุดแล้ว ยังขยายผลจากการซัดทอด ไปยังจุดที่ 4 ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของมือสองบังหน้า ภายใน มีทั้งคอมพิวเตอร์ โต๊ะทำงาน 50 ตัว ยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ 200 เครื่อง และโทรศัพท์มือถืออีก 300 เครื่อง
ซึ่งนอกจากเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว ยังอาจมีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ด้วย
ทั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวจีนและชาวไทยได้ 71 คน โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายนี้ ใช้กลอุบายหลอกลวงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เช่น รัสเซีย จีน และญี่ปุ่น ที่เข้ามาเที่ยวในเมืองไทย รวมถึงคนไทยด้วย
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (28 มีนาคม 2567) เวลา 13.00 น. ชุดปฏิบัติการทุกหน่วย จะร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องประชุมขุนพันธรักษ์ราชเดช กองบังคับการภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ มีแหล่งข่าวเปิดเผยว่า เส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ เชื่อมโยงไปยังนักการเมืองท้องถิ่นหญิงรายหนึ่ง ใน ต.จันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้ปรากฎภาพขณะเดินเคียงข้างกับนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง ดีกรีรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.67) ขณะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช รวมถึงยังพบเงินหมุนเวียนในบัญชีหลักหลายร้อยล้านบาท
