นครศรีธรรมราช : นายกฯ เศรษฐา ลุยรับฟังเสียงพี่น้องเกษตรกร ประเด็นปัญหายางพารา และผลผลิตอื่น ๆ ย้ำ รัฐบาลจะยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนภาคใต้ ผ่านมิติภาคเกษตรและท่องเที่ยว อวดผลงาน 90 บาท/กก. สกัดกั้นยางเถื่อนเข้าประเทศ
วันที่ 8 เมษายน 2567 ที่สหกรณ์กองทุนสวนยางฉลอง น้ำขาวพัฒนา จำกัด อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ได้เข้าไปดูกระบวนการรับน้ำยาง ที่รับซื้อมาจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เพื่อแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน ที่โรงรมยาง รวมทั้งรับฟังการดำเนินโครงการ Rubber Authority of Thailand จากเจ้าหน้าที่ และพบปะกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ ก่อนเข้าหารือประเด็นยางพาราและผลผลิตทางเกษตร กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวขอบคุณ นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในนามเครือข่ายสถาบันฯ ที่ช่วยผลักดันให้ราคายางสูงถึง 90 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรหลุดพ้นจากหนี้สิน ก็ด้วยรัฐบาลนี้ สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นสิ่งที่มาถูกทางแล้ว ขอให้สู้ต่อไป พร้อมกันนี้ ได้เสนอประเด็นหารือที่เกี่ยวข้องกับปัญหาอุปสรรคสำคัญ อาทิ 1. โครงการการขอสนับสนุนสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนสถาบันเกษตรกร เพื่อรวบรวมยางพาราที่หมดอายุไปตั้งแต่ 31 มีนาคม 2567 ขอให้นำเข้าเสนอ ครม.พิจารณาด้วย 2. โครงการใช้งานยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ 3. วาระกรรมการ กรณีประธานฯ เพื่อให้การบริหารงานสหกรณ์เดินหน้าต่อไปได้ เป็นต้น
ข่าวน่าสนใจ:
- "ประเสริฐ รักไทย” ประกาศชน “บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ” สู้ศึกชิงเก้าอี้ อบจ.ตรัง
- ตรัง จับแล้วมือค้อนทุบหัวฆ่าโหดพ่อค้าปลาสวยงาม กลางงานลอยกระทงกันตัง ทิ้งศพกลางงาน หลักฐานชัด จุดทิ้งมือถือ-โผล่กดเงินสดผู้ตาย
- ศึกชิงเก้าอี้ "นายก อบจ." เดือดแน่..ลุ้นใครล้มช้าง 5 สมัย?
- นครฯ - ลือหึ่ง แรงงานกว่าครึ่งร้อยโรงไม้ยางเมืองคอน เสี่ยงตกงาน! หวั่นชวดชดเชย
นายเศรษฐา กล่าวกับเกษตกร และผู้ที่เข้าร่วมหารือ ว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาดูขั้นตอนกระบวนการในการผลิตยาง ดีใจที่ได้มา เพราะตั้งใจจะมาอยู่แล้ว แม้จะรับทราบว่าราคายาง ราคาดีแล้ว แต่ก็อยากมารับฟังโดยตรงจากเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อมาดูว่า จะมีแนวทางใดที่จะทำให้ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำว่า รัฐบาลตั้งใจจริง ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ทุกคน ที่ไม่เพียงแต่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญในชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรต่าง ๆ ทั้งน้ำมันปาล์ม และยางพารา
ซึ่งในเรื่องยางนั้นประเทศไทยเป็นประเทศที่คุมการผลิต 30% ของยางพาราทั่วโลก เพราะฉะนั้น เรื่องของการสกัดกั้นยางเถื่อน จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และฝ่ายความมั่นคง ได้ช่วยกันทำงานสกัดกั้นยางเถื่อนที่จะเข้ามา ตรงนี้สามารถส่งสัญญาณไปให้ทั่วโลกได้รู้ว่า เราไม่มียางเถื่อน ขณะเดียวกัน ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าจำนวน Supply ในตลาดจะน้อยลงไป ก็จะทำให้ราคายางสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังมีผู้ที่ทำผิดอยู่ เราต้องทำงานกันอย่างเข้มงวดอย่างต่อเนื่องต่อไป และจะพยายามทำให้ราคายางดีต่อไป
สำหรับสถานการณ์ การผลิตยางพาราของจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น ข้อมูลสำนักงานการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช มีการปลูกยางมากเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ รองจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีพื้นที่ปลูก จำนวน 1,598,306 ไร่ (แยกเป็นพื้นที่ ที่มีเอกสารสิทธิ์ จำนวน 1,281,598 ไร่ พื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ จำนวน 316,708 ไร่ มีเกษตรกรชาวสวนยาง จำนวน 145,145 ราย มีคนกรีดยาง จำนวน 27,262 ราย) พื้นที่เปิดกรีดแล้ว จำนวน 1,485,544 ไร่ ปริมาณผลผลิต จำนวน 319,060 ตัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ จำนวน 214 กิโลกรัม/ไร่/ปี พันธุ์ที่นิยมปลูก คือ RRIM 600 มีพื้นที่ปลูกยางมาก 5 อันดับแรก คือ อ.ทุ่งสง อ.ทุ่งใหญ่ อ.ชะอวด อ.บางขัน และฉวาง ตามลำดับ
โดยสถานการณ์การผลิต ปี 2567 พบว่า เนื้อที่ยืนต้นของยางพาราลดลงจากปี 2566 เนื่องจากเกษตรกรโค่นต้นยางอายุมากแล้วปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทน ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ไม้ผลต่าง ๆ ในส่วนของพื้นที่กรีดได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายพื้นที่ปลูกใหม่เมื่อปี 2560 เริ่มให้ผลผลิตได้ในปีนี้ ส่วนผลผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย มีวันกรีดเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีพื้นที่กรีดได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านราคาในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2567 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 – 2566 ราคาขยับสูงขึ้น (ยางแผ่นดิบ ราคาที่เกษตรกรขายได้ ตั้งแต่ปี 2562-2566 ราคาท้องถิ่นเฉลี่ย 48.29 บาท/กก.)
โดย ปี 2567 (มกราคม – มีนาคม) ยางแผ่นดิบราคาท้องถิ่นเฉลี่ย 70.53 บาท/กก. และราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพารา หาดใหญ่ เฉลี่ย 74.23 บาท/กก. เช่นเดียวกับยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ที่มีราคาสูงขึ้น ราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพารา หาดใหญ่ เฉลี่ย 77.6 บาท/กก.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: