กรุงเทพฯ : ทนายตั้ม บุก สน.เตาปูน ตามคดีแจ้งความ ‘บิ๊กต่อ’ ไม่คืบหน้า ถาม เมื่อไหร่จะออกหมายเรียก หลักฐานครบ วอน เร่งทำคดี อย่าดึงเวลา ชี้ นายกรัฐมนตรีไร้ภาวะผู้นำ หลังส่งสัญญาณให้แก้ปัญหาไปนาน แต่กลับนิ่งเฉย
วันที่ 11 เมษายน 2567 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางมายัง สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน พร้อมเอกสารคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรของ นางสาวพิมพ์วิไล รวม 9 แผ่น มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน
หลังจากก่อนหน้านี้ เคยพาพยานเข้ามาให้ข้อมูลแล้ว แต่พนักงานสอบสวนทำคำให้การเพียงหนึ่งหน้ากระดาษไม่ละเอียดครบถ้วน จึงกังวลว่า อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอีกฝั่ง จึงมาพร้อมกับ น.ส.พิมพ์วิลัย พยานคนสำคัญ เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมมาติดตามความคืบหน้าของคดี ว่า พนักงานสอบสวน ทำอะไรไปบ้างแล้ว และจะออกหมายเรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อไหร่
สำหรับความมั่นใจในการทำงานของพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน หลังจากที่นำคำให้การมามอบให้ในวันนี้นั้น ทนายตั้ม ยังคงบอกว่า ไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจ เพราะรู้มาว่า พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ต้องการส่งสำนวนไปให้หน่วยงานอื่นทำคดีแทน
ทนายตั้มยังบอกอีกว่า เตรียมที่จะเปิดขบวนการส่วยลำดับที่ 19 นอกเหนือจากส่วย 18 ธุรกิจ ที่เคยเปิดไปก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วยชนิดนี้ ตามปกติแล้วตำรวจทั่วไปจะไม่เก็บกัน ต้องเป็นตำรวจที่แย่จริง ๆ เท่านั้น แต่ยังขอไม่ระบุรายละเอียด รอไว้เปิดข้อมูลช่วงหลังสงกรานต์
เมื่อถามว่า มองอย่างไร กรณีที่หัวหน้าพรรคการเมือง พร้อมกรรมการบริหารพรรคการเมืองหนึ่ง นำอาหารกลางวันมาจัดเลี้ยงให้กำลังใจ ผกก. และตำรวจ สน.เตาปูน ในการทำคดี ทนายตั้มตอบว่า ยังไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แต่มองว่าเป็นเรื่องที่ดี การที่จะเลือกให้กำลังใจฝ่ายใด ก็เป็นสิทธิ์ของบุคคลนั้น เมื่อตำรวจทานกันอิ่มแล้ว ก็ช่วยตั้งใจทำคดีให้ตัวเองด้วย หรือหากมองอีกมุม อาจเป็นกระบวนการหนึ่ง ที่มีการเตรียมจัดฉากกันไว้แล้ว หรือวางพล็อตเรื่องไว้ ในการเข้ามาให้กำลังใจ
ถามต่อว่า มีความสบายใจ หรือยังเครียดกดดันเรื่องใดอยู่หรือไม่ ทนายตั้มตอบว่า เรื่องความเครียดมีเรื่องเดียว คือ เรื่องความปลอดภัย หลังจากที่ทราบว่า ตำรวจไซเบอร์ หรือ คอมมานโด ยกเลิกการเก็บส่วย หลังออกมาแฉ ทำให้หลายคนเสียผลประโยชน์เยอะ ผู้ใหญ่จึงเตือนมาว่าต้องระวังตัว เพราะก่อนหน้านี้ หน่วยงานเหล่านั้นเคยได้รับกันหลักร้อยล้านบาทต่อเดือน พอตนเองออกมาพูดเพียงแค่วันเดียว กลับถูกยกเลิกตั๋ว กลายเป็นว่าต้องไปไล่บี้จับเว็บพนันแทน
เมื่อถามว่า มองอย่างไร หลังจากออกมาเปิดเผยข้อมูล และส่งสัญญาณร้องขอให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขปัญหา แต่ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทนายตั้ม ถึงกับระบุว่า นายกรัฐมนตรีไร้ภาวะความเป็นผู้นำ นายกฯ เป็นผู้นำสูงสุดแต่มีความเกรงใจ แม้กระทั่งรองเลขาฯ ส่วนตัว อย่าให้บอกเลยว่าเป็นใคร ยังบอกกับตนเองเลยว่า ท่านไม่อยากยุ่งเรื่องนี้เลยทั้งสองฝ่าย แถมยังบอกอีกว่า นายกรัฐมนตรี เกรงใจพี่ชายของ ผบ.ตร. คงจะไม่มาดูแลเรื่องนี้หรอก จึงรู้สึกปลงกับความเป็นผู้นำที่ไม่กล้าตัดสินใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวนายกฯ เลย
ทนายตั้ม ยังฝากทิ้งท้ายไปยังพนักงานสอบสวน สน.เตาปูนอีกว่า “ผมเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว นำเอกสารทุกอย่างพร้อมทั้งพยาน มาป้อนให้ถึงปาก ขอให้ช่วยทำงานหน่อย ไม่ได้ปรามาส แต่คณะกรรมการฯ มีอำนาจเต็มในการตรวจสอบเอกสาร หากคิดว่าเอกสารที่นำมามอบให้ ไม่ใช่เอกสารราชการ ก็สามารถใช้อำนาจในการเรียกเอกสารที่แท้จริงมาตรวจสอบ หรือ หากเอกสารที่นำมามอบให้ เป็นเอกสารเท็จ ก็สามารถที่จะดำเนินคดีกับผมได้ ขอท้าเลย แต่ขอให้ทำงานหน่อย เพื่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นมา หลักฐานพยานทุกอย่างครบขนาดนี้หากทำไม่ได้ (ชิงหมาเกิด)” ทนายษิทรา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: