นครศรีธรรมราช : หึ่ง! ทั้งเมือง หลังโซเชียล แฉ กระบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เฉือน บ่อนการพนันเมืองคอน เย้ยคำสั่ง ‘กิตต์รัฐ’ รรท.ผบ.ตร. ขณะที่หน่วยราชการในพื้นที่เงียบเป็นเป่าสาก นอภ.ท่าศาลาเพิ่งทราบเรื่อง รับลูกทันที ลั่นตรวจสอบ พบร่องรอยจริง ทำมานาน
วันที่ 19 เมษายน 2567 ภายหลังชุดปฏิบัติการกรมการปกครอง บุกเข้าจู่โจมตรวจค้นจับกุมนักพนัน ภายในบ่อนการพนันใหญ่ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจบ่อนการพนัน หยุดชะงักลงชั่วคราว นายบ่อนทั้งเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ ไม่กล้าเปิดให้บริการ เนื่องจากเกรงจะถูกดำเนินการทางกฎหมาย ตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย
รวมไปถึงการเข้มงวดกวดขันของตำรวจ โดยคำสั่งของ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ที่ห้ามมีการทำผิดกฎหมายทุกประเภท ทั้งบ่อนการพนัน และการค้าน้ำมันเถื่อน เ นื่องจากช่วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกระแสข่าวไม่ดี เรื่องการรับผลประโยชน์ (ส่วย) จากธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้ ของคนบิ๊กตำรวจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า จ.นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีบ่อนการพนันลักลอบเปิดให้นักเล่นเข้าไปใช้บริการกันในหลายอำเภอ อาทิ อ.หัวไทร ทุ่งใหญ่ ทุ่งสง บางขัน อ.พรหมคีรี โดยเฉพาะ อ.เมืองนครศรีธรรมราช มีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ บ่อนถาวร และบ่อนชั่วคราว (บ่อนวิ่ง) รวมถึงบ่อนตามงานศพ ซึ่งเป็นที่รู้กันของคนในจังหวัด
โดยมีกลุ่มผู้มีอิทธิพล ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ คนมีสี อยู่เบื้องหลัง เป็นเจ้าของ มีการวิ่งเต้นจ่ายเงินค่าดูแลคุ้มครองให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะตำรวจ เพื่อให้สามารถเปิดเล่นได้อย่างเสรี ไม่ถูกจับกุม กระทั่งมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย ได้เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากเจอกระแสสังคมจับจ้องการทำหน้าที่ของผู้รักษากฎหมาย ที่เข้าไปมีผลประโยชน์กับการกระทำความผิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับผลประโยชน์ จากธุรกิจสีเทาทุกประเภท อย่างบ่อนการพนัน หวยใต้ดิน สินค้าหนีภาษี
แต่ดูเหมือนว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลบางราย กลับไม่สนใจในคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังคงเดินหน้าลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมาย เย้ยคำสั่งของ รรท.ผบ.ตร. โดยเฉพาะ ‘กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน’ หรือ น้ำมันเขียว ที่ทำกันมาต่อเนื่องยาวนาน มีรายได้กันเป็นกอบเป็นกำ อาจเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ยังลงตัวอยู่หรือไม่ หรือมีใครที่อยู่เบื้องหลัง ที่สามารถสั่งการควบคุมดูแล ไม่ต้องสนใจในคำสั่งดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สื่อโซเชียล ได้เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความบรรยาย เรียกร้องให้ รรท.ผบ.ตร. ตรวจสอบการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งใน จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสงขลา ที่เป็นแหล่งกระจายน้ำมันเถื่อนแหล่งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนในพื้นที่อย่าวงกว้างขวาง ว่า ธุรกิจดังกล่าว ทำกันมานาน มีนายทุน มีกลุ่มนักการเมือง ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติอยู่เบื้องหลัง จ่ายผลประโยชน์ให้หน่วยงานของรัฐอย่างลงตัว โดยเฉพาะตำรวจ ทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง จึงทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ กัน
ล่าสุด นายเอกชัย สุนทร นายอำเภอท่าศาลา ออกมาเปิดเผยว่า เพิ่งทราบเรื่องจากสื่อ และได้มอบหมายให้ นายศักดิ์ชาย นันทเกษตร ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ลงพื้นที่ร่วมกับสรรพสามิต จ.นครศรีธรรมราช สาขาท่าศาลา ตำรวจภูธรท่าศาลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ กรณีการบรรทุกน้ำมันเถื่อนจากกลางทะเลอ่าวไทย มาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือหัวแหลม บ้านท่าสูง หมู่ที่ 4 ต.ท่าศาลา ซึ่งพบร่องรอยคราบน้ำมันเรือต้องสงสัยที่จอดอยู่ พบน้ำมันบรรจุในถังลูกเต๋าประมาณ 2,200 ลิตร ได้นำไปตรวจสอบว่าเป็นน้ำมันเถื่อนจริงหรือไม่
จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า มีการค้าน้ำมันเถื่อนจริง จากคำบอกเล่าของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ว่า บริเวณดังกล่าวมีการขนถ่ายน้ำมันเถื่อนมานานแล้ว ทำกันเป็นขบวนการ ส่วนการระบุรายชื่อในสื่อโซเชียลว่า เป็นใครบ้างนั้น ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน ว่าเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ และการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าน้ำมันที่พบนั้น เป็นน้ำมันเถื่อนจริงหรือไม่
ขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง เปิดเผยว่า พื้นที่ อ.ท่าศาลา มีน้ำมันเถื่อนขึ้นที่ท่าเรือจริง มีการขนถ่ายใส่รถบรรทุกไปเก็บไว้ยังโกดัง ตรงข้ามวัดชื่อดังวัดหนึ่ง วิ่งขึ้นฝั่งคืนละไม่ต่ำกว่า 20 พ่วง เสียงดังสนั่น บางครั้งขับรถชนชาวบ้านบาดเจ็บก็มี ท่าศาลาเงียบมานาน วันนี้ ถึงเวลาที่จะต้องล้างบางกันบ้าง มีอิทธิพลกันมาก จับก็เงียบ แม้แต่ยาไอซ์ 1,500 กก. ที่มาพร้อมกับเรือน้ำมันเถื่อนก็ยังหายเงียบ
“ถามว่า คนท่าศาลาอยู่กันอย่างไร อิทธิพลยังมีอยู่หรือไม่ก็เงียบ ไม่มีคำตอบ แต่พอสื่อโซเชียลเขียนขึ้นมา ก็สะดุ้งกันบ้าง เป็นพัก ๆ พวกเราขอเรียกร้องให้หน่วยงานส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง ลงมาตรวจสอบ จ.นครศรีธรรมราชอย่างจริงจังเสียที มีแต่ชั้นผู้น้อยทำอะไรไม่ได้ หากผู้ใหญ่ส่วนกลางลงมาสะกิดจริง ๆ มองว่า นครศรีธรรมราชจะสงบขึ้น” นักการเมืองท้องถิ่นรายนี้ เรียกร้อง
อย่างไรก็ตาม หลังสื่อต่าง ๆ ได้นำเสนอข่าวออกไป ปรากฎว่า มีพลเมืองดี ได้แจ้งเบาะแสร้องเรียนไปยังสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ให้ช่วยติดตาม การลักลอบเปิดบ่อนการพนันขึ้นในพื้นที่ อ.พรหมคีรี พร้อมทั้งชี้เป้าให้ทราบถึงสถานที่ของบ่อนดังกล่าว อยู่ย่านน้ำแคบ โดยได้ร้องเรียนว่า ที่แห่งนี้เปิดให้เล่นกันทุกวัน ยันสว่าง โดยมีเจ้าของบ่อนชื่อตัวย่อว่า ก ไก่ และยังระบุอีกด้วยว่า บุคคลผู้นี้ไม่เกรงกลัวใคร เขาจ่ายเงินให้กับนาย ( ตำรวจ) ในแต่ละวันมีนักพนันเข้ามาเล่นกันมาก รถแน่นเต็มพื้นที่ ชาวบ้านในบริเวณนั้นได้รับความเดือดร้อน ขอให้ช่วยตรวจสอบด้วย
http://santipapnews.blogspot.com/2024/04/3-20-4.html
