นครศรีธรรมราช ร้อนๆ หนาวๆ ไม่กล้าออกโรง! ขรก.เมืองคอนยังนิ่งเฉย หลังซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร.10 ถูกมือดีเผาวอด !สังคมวิจารณ์ยับ ตร.เมืองคอน มองเป็นเรื่องเล็ก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร้องให้ตรวจสอบ จี้ตามตัวผู้ทำผิดมาลงโทษจากกรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้ป้ายซุ้มเฉลิมพระเกียรติ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ที่ตั้งประดิษฐานอยู่บริเวณถนนสายชลประทาน ทางเข้าชุมชนบ้านทุ่งทิศพรหม ม.5 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยหลังเกิดเหตุ จนท.ตร.พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นและผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านหลายพื้นที่เข้าร่วมตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีพี่น้องประชาชนชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมสังเกตุการณ์กันเป็นจำนวนมาก ได้ร่วมใจกันขนย้ายต้นดาวเรืองพร้อมกับเก็บกวาดเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะร่องรอยของเศษซากป้ายหลักถูกเพลิงไหม้จนเหลือแต่โครงเหล็กผู้สื่อข่าวรายงาน หลังเกิดเหตุ ศูนย์วิทยุของ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตร.ชุดสายตรวจทุกพื้นที่ให้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราพื้นที่เฝ้าระวังตามจุดต่างๆที่มีการติดตั้งป้ายซุ้มเฉลิมพระเกียรติโดยเน้นตามสถานที่ราชการ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ หลังจากได้รับแจ้งว่าป้ายซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่ถูกเพลิงลุกไหม้ดังกล่าวเกิดจากการกระทำของผู้ไม่หวังดีจากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่เห็นและอยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เล่าว่า ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่เห็นการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้นำท้องถิ่นที่ช่วยกันปกปิดและเบี่ยงเบนประเด็นไปเป็นอุบัติเหตุ โดยมีการอ้างเหตุผลว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ตามที่ได้มีการให้ข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
ซึ่งความเป็นจริงแล้วเกิดจากฝีมือของมนุษย์ ที่ไม่ทราบจุดประสงค์และเหตุจูงใจในการลงมือก่อเหตุ โดยหลังจากที่เพลิงสงบลงเพียงไม่นาน จนท.ตร.ประมาณ 6 นายพร้อมด้วยร้อยเวรจาก สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้ามายังที่เกิดเหตุ โดยมีการบันทึกภาพเพียงเล็กน้อยพอประมาณการว่าให้เป็นพิธีพร้อมทำบันทึกแผนที่ ที่เกิดเหตุ และสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยใช้ระยะเวลาประมาณไม่เกิน 30 นาที ก่อนที่จะได้รับการร้องขอจากผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่รายหนึ่ง “ขอให้ปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นความลับที่สุดอย่าให้เป็นเรื่องใหญ่โตบานปลาย พร้อมสั่งห้ามทุกคนบันทึกภาพและนำไปเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจจะสร้างความตื่นตระหนกตกใจและเสียขวัญกำลังใจกับประชาชนที่ทราบข่าวเหตุการณ์ดังกล่าวนายชิน นามสมุติ ขอสงวนสิทธิ์การเปิดเผยตัวตน ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ และร่วมอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่ จนท.ตร.ลงมาตรวจสอบพื้นที่ โดยนายชินเปิดเผยว่า รู้สึกเสียอกเสียใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้ปรากฏเกิดขึ้นด้วยซ้ำ และมาเกิดขึ้นในชุมชนที่ตนอยู่ เมื่อรู้ว่าสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ เกิดจากฝีมือมนุษย์ ที่จงใจเจตนาคิดร้ายกับองค์เหนือหัวที่คนไทยทุกคนรักและหวงแหน เท่ากับคิดทำลายประเทศชาติบ้านเมือง ให้เสื่อมเสียแล้ว กลับต้องมารับรู้มาเห็นการทำหน้าที่ของ. จนท.ตร.ที่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่ง ชม.ถ่ายภาพไม่เกิน 10 ภาพแล้วก็กลับ ไม่มีการตรวจสอบสืบสวนอย่างละเอียด ไม่มี จนท.พิสูจน์หลักฐาน ไม่มีการเก็บหลักฐานไปพิสูจน์ตรวจสอบ หารอยนิ้วมือแฝง ทั้งๆ ที่ผู้ก่อเหตุได้ทิ้งร่องรอยการกระทำความผิดไว้มากมาย”โดยเฉพาะขวดแก้วที่บรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ” มีเพียงแต่เข้าไปพูดคุยสอบถามกับชายวัยรุ่นรายหนึ่งที่วนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีลักษณะต้องสงสัย ตามที่ชาวบ้านแจ้งไว้ และมีบ้านพักอาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว แต่ชายต้องสงสัยรายนี้ได้ให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็น จึงยุติการติดตามตัวผู้กระทำความผิด และปล่อยให้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้าน แก้ปัญหากันเอง จึงอยากวอนขอให้มีการตรวจสอบการทำหน้าที่ของ จนท.ตร.ชุดที่เข้ามาในพื้นที่ พร้อมกับ จนท.ร้อยเวรที่รับแจ้งคดี“อย่ามองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กน้อย คิดเบี่ยงเบนประเด็นหลอกให้ชาวบ้านหลงเชื่อ มันฟังดูไม่ขึ้น และสวนทางกับลักษณะเหตุการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกจิตใจคนไทยทุกๆ คน ซึ่งทุกคนจะต้องมีหน้าที่ช่วยกันรักษาและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องผืนแผ่นดินไทย อย่าให้ใครคิดเข้ามาประทุษร้าย หรือคิดย่ำยี ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการย่ำยีและเหยียดหยามเกียรติศักดิ์ศรี ของสถาบันที่คนไทยทุกคนเทิดทูน ผู้รักษากฎหมายจะต้องมีความรักและหวงแหนทวีคูณมากกว่าประชาชนคนธรรมดา เพราะท่านคือ “ข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน” จะต้องติดตามหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ไม่ใช่ช่วยกันคิดปกปิดเรื่องราวความเป็นจริง คิดเพียงว่ากลัวจะเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ไม่คิดรักษาแผ่นดินที่ตนเองเกิดและยืนอยู่”ล่าสุดในพื้นที่เกิดเหตุตลอดทั้งวัน วันนี้ ไม่มีปฏิกริยาหรือความเคลื่อนไหวใดๆ ของหน่วยงานภาครัฐ มีเพียง จนท.ตร.ชุดสืบจาก สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมสันติบาล 4 นาย เข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ ประมาณไม่ถึง 10 นาที ก่อนที่จะขับรถออกจากพื้นที่ไป ขณะที่นายยงยุทธ นาทะชัย ปลัด อบต.ไชยมนตรี รรท.นายกฯได้มอบหมายให้นายช่างประจำสำนักการช่าง อบต.เข้าดำเนินการรื้อถอนซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้า ถนนนาป่า-หนองบัว มาทดแทนตัวที่ถูกเพลิงไหม้ โดย รรท.นายกฯได้เดินทางเข้าพบกับ พนักงานสอบสวนที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเจ้าพนักงานอย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาด้วยการรื้อถอนซุ้มเฉลิมพระเกียรติของชาวบ้านในชุมชนบ้านนาป่าเพื่อนำไปติดตั้งยังจุดที่เกิดเพลิงไหม้ กลับสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับชาวบ้านในชุมชน ต่อการแก้ไขปัญหาของ ทาง อบต.เนื่องจากซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร.10 ที่นำมาประดิษฐานบริเวณทางเข้าหมู่บ้านของชาวบ้านชุมชนนาป่านั้น ถือเป็นพระเกียรติในการเฉลิมฉลอง ยกย่อง ร.10 และเป็นความภาคภูมิใจเป็นหน้าเป็นตาของคนในชุมชนอย่างมาก แต่เนื่องด้วยทาง รรท.นายกฯ ได้เข้าพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้นำในพื้นที่ พร้อมชาวบ้านที่เกิดความรู้สึกไม่พึงพอใจ ด้วยการจะจัดลานกีฬาให้กับชาวบ้านในพื้นที่แทน พร้อมเครื่องออกกำลังกาย ซึ่งโครงการอยู่ในแผนดำเนินการของทาง อบต.ในปีงบประมาณนี้อยู่แล้ว และโชคดีที่เป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องการ จึงยินยอมให้รื้อถอนโยกย้ายซุ้มเฉลิมพระเกียรติเพื่อนำไปติดตั้งแทนตัวที่ได้รับความเสียหายสำหรับซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร.10 ที่ทาง อบต.ไชยมนตรี ได้จัดทำขึ้น มีขนาดความสูงประมาณ 5 เมตร ความกว้าง 3 เมตร วัสดุทำมาจากเรซิ่นขึ้นรูปทาด้วยสีทอง ยึดขอบด้วยโครงเหล็ก ตามสเปคและขนาดมาตรฐาน โดยทำการว่าจ้างมาจาก บ.หจก.TN นคร เป็นผู้ผลิตและติดตั้ง ในงบประมาณ 1แสน 3หมื่นบาท/ซุ้ม เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ร.10 โดยได้ทำการติดตั้งบนถนนทางเข้าสายหลักของแต่ละชุมชน จำนวน 5 สาย ติดตั้งแล้วเสร็จเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีมือดีลงมือวางเพลิงเผาทำลายดังกล่าวด่วน!ไหม้วอด “ป้ายเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.10” ชาวบ้านเร่งช่วยเคลียร์พื้นที่ – 77 ข่าวเด็ด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: