รองผู้การฯตำรวจนครศรีธรรมราช แจงคดีวิสามัญ”ปภวิษณ์ บุญเนือง” ตำรวจไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้และส่วนตัวก็ยังเสียใจ และได้ดำเนินคดีกับ 3 ตำรวจทีมวิสามัญในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิต และรอสรุปสำนวนหลังผลพืสูจน์หลักฐานครบถ้วน ขณะที่ภรรยาผู้ตายหลังฟังชี้แจงกว่า 2 ชั่วโมงยังยอมรับไม่ได้
พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังผ่านเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรม นายประภวิษณุ์ บุญเนือง ไปกว่า 2 อาทิตย์ ผู้ต้องหาในคดีหลบหนีการจับกุม ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ และมียาเสพติดในครอบครอง เหตุเกิดในท้องที่เขต สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้รับผิดชอบคดีโดยตรง ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจนครศรีธรรมราชกลับตกเป็นจำเลยทางสังคม โดยถูกมองว่าเจ้าหน้าที่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ ด้วยการเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมของทางภรรยาและญาติผู้เสียชีวิต
พ.ต.อ.อรุณ เปิดเผยว่าวานนี้ (16 พ.ค.61 )ได้เชิญตัว นางสาวฐานิษ หริกจันทร์ ภรรยาผู้เสียชีวิตให้เข้ามาพบเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับข้อมูลหลักฐานต่างๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมได้ เนื่องจากผู้เสียหายได้เห็นแย้ง หลังพบข้อมูลหลักฐานที่ปักใจเชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ โดยได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เพื่อขอให้เปลี่ยนชุดสืบสวนทำสำนวนคดี พร้อมกับประเด็นข้อสงสัยเคลือบแคลงใจอื่นๆ โดยเฉพาะยาเสพติดที่พบในรถของผู้ตาย ที่มองว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้ยัดเยียดข้อกล่าวหาให้ พร้อมกับให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ชุดวิสามัญ โดยได้ชี้แจงให้ทราบว่า กรณีการปะทะหรือใช้อำนาจ,กำลังในลักษณะนี้
“เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความประสงค์ที่จะให้ใครเสียชีวิต หรือเกิดการสูญเสียเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่างกรณีเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการยื้อพยายามจะหยุดสกัดมาเป็นระยะทางที่ยาวพอสมควร และได้ใช้เวลานานพอสมควรในการที่จะคลี่คลายเหตุ ไม่ได้เข้าไปแล้วตัดสินใจใช้อำนาจและกำลังเลยทีเดียว จนถึงที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องป้องกันตนเอง ถึงแม้ว่าจะเกิดการสูญเสีย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีความสบายใจขึ้นมาเลย และโดยส่วนตัวแล้วยังเสียใจด้วยซ้ำ”พ.ต.อ.อรุณ กล่าว
พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจวิสามัญ เนื่องจากนายประภวิษณ์ มีพฤติกรรมการหลบหนีตั้งแต่พื้นที่ อ.พรหมคีรี จนมาถึงจุดเกิดเหตุ อ.เมือง โดยไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุมหลังใช้ความพยายามในการติดตามมากว่า 40 กม.ไม่ใช่ 50 กม.ตามที่เป็นข่าว ประกอบกับในที่เกิดเหตุ นายประภวิษณ์ ได้ชักอาวุธปืนขึ้นมาเพื่อยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจวิสามัญในที่สุด
สำหรับความคืบหน้าในคดีนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้มีการนิ่งเฉยที่จะชี้แจงให้ประชาชนทราบแต่อย่างใด หลังเกิดข้อสงสัย ซึ่งโดยก่อนหน้านี้ก็จะเห็นว่าทาง ผบ.ตร.ได้มีการชี้แจงไปแล้วระดับหนึ่ง และในส่วนของพื้นที่ ทางผบก.ก็ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดกับประชาชนไปบ้างแล้ว แต่เนื่องด้วยสำนวนคดียังสรุปไม่ได้จึงไม่สามารถที่จะเปิดเผยชี้แจงได้ทั้งหมด ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้ง 3 นายที่อ้างว่าปฏิบัติการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 3 ว่าได้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิต แต่ด้วยเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ เนื่องจากมีการต่อสู้กัน ระหว่างนี้ ทั้ง 3 จึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่าการสรุปสำนวนคดีต้องรออีกสักระยะ ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะมีระยะเวลาตามกรอบที่จะต้องดำเนินการสอบสวน แต่เนื่องด้วยคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเร่งรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ความถูกต้องรัดกุมและครบถ้วน เหลือเพียงแต่รอผลการตรวจสอบพิสูจน์ จากกองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์ชันสูตร ที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานไปตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นผลเขม่าดินปืน ร่องรอยในที่เกิดเหตุ หัวกระสุน หรือวิถีกระสุน รวมไปถึงรายละเอียดของการเสียชีวิต ลักษณะศพ ผลชันสูตรที่จะต้องรอจากแพทย์ผู้ชำนาญการ ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้ติดตามความคืบหน้าด้วยตนเองทุกระยะ และคดีนี้เป็นคดีที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งพนักงานสอบสวนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือระดับรองผู้บังคับการขึ้นไป โดยยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและเที่ยงธรรม ไม่มีการช่วยเหลือพวกพ้องอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับประเด็นข้อเห็นต่างระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับภรรยาผู้เสียชีวิต แม้ว่าทางด้านพ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ใช้ความพยายามมากกว่า 2 ชม.ในการนำข้อมูลหลักฐานมายืนยันชี้แจงให้ทราบ แต่กลับไม่เป็นผลที่จะทำให้ภรรยาผู้เสียชีวิตคือน.ส.ฐานิศ หริกจันทร์ ยอมรับได้ เนื่องจากมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพยามยามที่จะสร้างข้อมูลมาเพื่อหักล้างกับความเป็นจริง และโยนความผิดให้กับสามีของตน โดยเฉพาะวิธีการไล่ล่าวิสามัญ ซึ่งวิธีการสามารถมีวิธีที่ดีกว่านี้ได้ การต่อสู้ของผู้เสียชีวิตโดยอ้างว่าผู้ตายได้ลดกระจกลงและยิงใส่เจ้าหน้าที่ 1 นัดที่จุดเกิดเหตุ อีกทั้งยาบ้าที่ตรวจพบโดยอ้างว่าที่ไม่เห็นเพราะเกิดจากมุมกล้อง และกล้องที่ติดอยู่ภายในรถปฏิเสธว่าไม่พบตั้งแต่วันเกิดเหตุ แต่ผู้เสียหายสามารถยืนยันด้วยหลักฐานได้ว่ามีจริง และหลังจากนี้ก็จะเดินหน้าต่อสู้กันด้วยหลักฐานหลังจากเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว
อย่างไรก็ตามทางพ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ทำบันทึกข้อรับทราบโดยให้เจ้าหน้าที่ร้อยเวรลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งมีข้อตกลงร่วมกันที่ไม่อาจเปิดเผยให้กับสื่อมวลชนรับทราบได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ ในการชดใช้ค่าสินไหมจากทางบริษัทประกันภัย พร้อมกับให้ความคุ้มครองพยานโดยจัดส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจเพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยสงบเรียบร้อยและติดตั้งตู้แดงที่บริเวณหน้าบ้าน และที่สำคัญจะมีการแถลงข่าวแก้ไขข้อมูลที่ก่อนหน้านี้ทาง ผบก.ได้ให้สัมภาษณ์ไปกับเพจเฟสบุ๊คหนึ่ง ถึงการที่ผู้ตายพัวพันกับยาเสพติดและมีประวัติอาชญากร ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ซึ่งหลังตรวจสอบกลับไม่พบข้อมูลหรือประวัติดังกล่าวแต่อย่างใด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: