ผอ.ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม เผยแผนการตลาดท่องเที่ยวปี 65 “อะเมซิ่ง โลคัล เอ็กซ์พีเรียนซ์” สร้างประสบการณ์ความทรงจำท้องถิ่น สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม
นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม รับผิดชอบจังหวัดสมุทรสงคราม และสมุทรสาคร เปิดเผยแผนการตลาดท่องเที่ยวปี 2565 ว่า สำหรับจังหวัดสมุทรสาครเตรียมที่จะจัดทำโครงการ อะเมซิ่ง โลคัล เอ็กซ์พีเรียนซ์ (Amazing Local Experience) ต่อยอดจุดแข็งของพื้นที่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์และความทรงจำ ทั้งอาหารการกิน และการเปลี่ยนภาพใหม่ของการเดินทางท่องเที่ยว สามารถทำกิจกรรมในลักษณะสโลว์ไลฟ์ (Slow Life) เช่น โซนอำเภอบ้านแพ้ว กระทุ่มแบน ที่มีสวนผลไม้จำนวนมาก จะมีกิจกรรมสำหรับสายคนรักสุขภาพ (Healthy) ที่เป็นนักปั่นจักรยาน นักออกกำลังกาย และชื่นชอบอาหารการกิน ส่วนอำเภอเมือง จะเน้นไปที่อาหารการกินในพื้นที่มหาชัย ความเป็นเมืองศิลปะและประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่ท่าฉลอม พร้อมกับสามารถเดินทางต่อไปยังจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ มาหาความเป็นธรรมชาติของแม่กลองได้
ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสาคร มีสินค้าด้านการท่องเที่ยวเริ่มเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ผ่านแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา หรือวัดวาอารามต่างๆ เช่น สะพานแดง ต.พันท้ายนรสิงห์, สะพานสีรุ้ง ต.กาหลง อาหารการกินอย่างลอดช่องวัดเจษ และการเกิดขึ้นมาใหม่ของร้านกาแฟต่างๆ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของสมุทรสาคร นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะมีภาพจำที่หวาดกลัว แต่ ททท. ขอชื่นชมจังหวัดสมุทรสาคร ที่แก้ไขสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี พร้อมกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น เทศกาลมะพร้าว งานเบญจรงค์ดอนไก่ดี เทศกาลอาหารริมเขื่อนศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เทศกาลเกลือศิลป์สร้างสรรค์ และเทศกาลตรุษจีนเล่งเกียฉู่ ซึ่งสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่จังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย เดินทางสะดวก และปลอดภัย
ข่าวน่าสนใจ:
ส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม จะจัดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของ ททท. ภายใต้ชื่อ “เที่ยวเมืองไทยอะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม” โดยใช้จุดแข็งที่เป็นเมือง “สายน้ำสามเวลา” ในปีนี้ได้ทำโครงการภายใต้แผนงานของปี 2565 จำนวน 2-3 กิจกรรม ได้แก่ โครงการชิลทั้งปีที่สมุทรสงคราม นำเสนอความเป็นตลาด ทั้งตลาดเช้าที่ตลาดน้ำท่าคา ต.ท่าคา อ.อัมพวา ตลาดสาย-บ่าย ที่ตลาดน้ำบางน้อย อ.บางคนที และตลาดเย็น ที่ตลาดน้ำอัมพวา โดยร่วมกับโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA (Safety & Healthy Administration) และผู้ประกอบการเรือรับจ้างในตลาดอัมพวา ทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว แจกคูปองนั่งเรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก เพื่อเที่ยวชมบรรยากาศของแม่น้ำแม่กลอง คลองอัมพวา และคลองผีหลอก
โครงการต่อมา คือการทำกิจกรรมในลักษณะ “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” ให้นักท่องเที่ยวชิมสวนผลไม้ อาทิ ส้มโอขาวใหญ่ ลิ้นจี่แม่กลอง มะพร้าวน้ำหอม เพื่อสร้างประสบการณ์ท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยว และการจัดงานเทศกาลอาหารที่ชื่อว่า “อัมพวา ฟู้ด เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Amphawa Food Experience) นำผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA มาออกร้านจำหน่ายอาหารท้องถิ่น ที่หาทานจากร้านต่างๆ ไม่ได้ อาหารที่เชฟคัดเลือกวัตถุดิบจากท้องถิ่น อาหารที่ให้นักท่องเที่ยวปรุงด้วยตัวเอง โดยกิจกรรมเหล่านี้จะจัดขึ้นตามมาตรการสาธารณสุข เช่น การตรวจและแสดงผลการตรวจแก่นักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจ และสามารถยืนยันได้ว่า สถานประกอบการส่วนใหญ่ได้รับมาตรฐาน SHA เกิดความมั่นใจและไว้วางใจเดินทางท่องเที่ยวได้
อีกด้านหนึ่ง ยังมีเทศกาลที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะจัดขึ้น เช่น เทศกาลกินปลาทูแม่กลอง ครั้งที่ 24 ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. ถึง 3 เม.ย. 2565 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ภาคเศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนได้ สร้างรายได้แก่คนในท้องถิ่น และห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจในช่วงเวลานี้ เช่น วัดจุฬามณี ต.บางช้าง อ.อัมพวา, วัดอินทาราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ต.แม่กลอง อ.เมืองฯ ที่เป็นวัดประจำจังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร มีพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาใหม่ ที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว นักท่องเที่ยวสามารถเป็นทางเลือกที่ใช้เวลาไม่มากในการเดินทางท่องเที่ยวได้
สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่รัฐบาลสนับสนุนส่วนลดค่าที่พัก 40% และคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว 600 บาท ซึ่ง ททท. รับผิดชอบโครงการ พบว่าจังหวัดสมุทรสาครมีข้อจำกัดเรื่องพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไม่ค่อยพักค้าง และเงื่อนไขของระเบียบใบอนุญาตโรงแรมต่างๆ ทำให้มีโรงแรมที่เข้าเงื่อนไขเพียง 1 แห่ง ส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ รับนักท่องเที่ยวมาตลอด หลายโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ แต่มีข้อจำกัดคือ นักท่องเที่ยวจะมาเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ คือวันศุกร์และวันเสาร์ ส่วนวันอื่นๆ เงียบเหงา เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในเรื่องวันธรรมดา ปัจจุบันมีโรงแรมในจังหวัดสมุทรสงครามที่เข้าร่วมโครงการ รวม 31 แห่ง มีให้เลือกทั้งราคาที่สามารถจ่ายได้ ไปถึงราคา 4,000-5,000 บาทต่อคืน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: