สมุทรสาคร – รพ.สมุทรสาคร ร่วมกับ สสอ.เมืองสมุทรสาคร รุกฉีดวัคซีนเด็ก 5-11 ปีตามโรงเรียนต่าง ๆ สร้างภูมิคุ้มกันโควิด
ตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับการทยอยจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์จากกระทรวงสาธารณสุข มาดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปี ให้ครอบคลุมในกลุ่มเป้าหมายทุกโรงเรียนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของโรงพยาบาลสมุทรสาคร หลังจากที่ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กกลุ่มเปราะบางไปแล้ว ก็ได้ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรสาคร จัดทีมเจ้าหน้าที่ประสานโรงเรียนต่าง ๆ ใช้แผนรุกฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กในรั้วโรงเรียน ตามที่ได้วางไว้ในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์เพราะต้องขึ้นอยู่กับจำนวนของวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรมาแต่ละช่วงเวลา รวมถึงต้องขึ้นอยู่กับจำนวนเด็กนักเรียนที่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองให้ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดนี้ด้วย
โดยที่โรงเรียนอนุบาลสมุทรสาครนั้น ได้เริ่มฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5-11 ปี ให้แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ก่อน ซึ่งใน 3 ระดับชั้นเรียนนี้มีผู้ปกครองประสงค์ให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งหมด 581 คน จากทั้งหมดราว ๆ 850 คน คิดเป็นเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเด็กระดับอนุบาล 2 จนถึงประถมศึกษาปีที่ 3 นั้น จะฉีดเป็นลำดับต่อไปตามแผนของทางโรงพยาบาลสมุทรสาคร ซึ่งนอกจากนักเรียนจะมาเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองก็มาคอยลุ้นคอยเป็นกำลังใจและคอยรับบุตรหลานกลับไปพักเพื่อเฝ้าดูอาการที่บ้านอีกด้วย โดยภาพรวมแล้วเด็ก ๆ มีอาการเป็นปกติดี และอยากเข้ารับการฉีดวัคซีน
ขณะที่เด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครสมุทรสาครทั้ง 6 แห่ง ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองมีความประสงค์จะให้บุตรหลานได้รับวัคซีนไฟเซอร์เด็กนั้น ก็เข้ารับการฉีดวัคซีนพร้อมกันที่อาคารหลังคาโค้งของโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัย (อนุกูลราษฎร์) มีจำนวนเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น 816 คน ในการนี้ นายชุมพล จันทร์จรัสวัฒนา นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร พร้อมด้วยที่ปรึกษานายกฯ และสมาชิกสภาเทศบาลฯ ลงพื้นดูแลความเรียบร้อย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และเด็กนักเรียนที่มาฉีดวัคซีนทุกคน
จากการสอบถามเด็กนักเรียนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน หลายคนบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นมาก และกลัวเข็มฉีดยาตามประสาเด็กไม่ได้กลัววัคซีน แต่ก็ใจสู้เพราะกลัวโควิดมากกว่า ขณะที่เด็กนักเรียนบางคนร้องไห้ขณะฉีดวัคซีนเพราะกลัวเข็ม แต่เมื่อฉีดเสร็จแล้วก็หยุดร้อง เพราะมีพี่ ๆ พยาบาลและคุณครูคอยให้กำลังและคอยปลอบน้องอยู่ใกล้ ๆ ส่วนผู้ปกครองนั้นได้ถูกจัดโซนให้นั่งรออยู่ใต้อาคารที่อยู่ใกล้กัน และคอยลุ้นเป็นกำลังใจบุตรหลานของตัวเอง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: