ลพบุรี หนุ่มวัย 35 ป่วยด้วยโรคซึมเศร้า เปรยกับญาติอยากตายในวันเกิดไม่คิดว่าจะเป็นจริง
ใกล้รุ่งเช้าวันที่ 26 มิงย. 61 พ.ต.ท.ชยันต์ สีเกี๋ยง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.สระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ ลพบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.สระโบสถ์ว่าได้มีผู้ผูกคอตายใต้ต้นไม้ใหญ่หลังหมู่บ้านกระดานเลื่อน หมู่ที่ 5 ต.มหาโพธิ จึงได้ประสานแพทย์เวรฉุกเฉิน รพ.สระโบสถ์ สมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ จุดสระโบสถ์รุดเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ
ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่มืดสนิท พบมีชาวบ้านและญาติผู้ตายยืนคอยเจ้าหน้าที่อยู่ 4-5 คน ที่บนต้นไม้ความสูงประมาณ 5 เมตรพบศพนายวีรยศ แก่นจันทร์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 5 ต.มหาโพธิ อ.สระโบสถ์ ลพบุรี ใช้เชือกไนล่อนผูกโยงกับโคนต้นไม้ ปีนขึ้นไปผูกคอตัวเองที่ยอดไม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงได้ช่วยกันนำร่างของนายวีรยศ ลงมาจากยอดไม้นำลงมาเพื่อทำการชันสูตรพลิกศพ พบผู้เสียชีวิตแต่งกายด้วยชุดลายพรางแบบทหาร เสื้อลายพรางแขนยาว กางเกงลายพรางขายาว มีกระเป๋าสะพาย 1 ใบคล้องคออยู่ จากการชันสูตรในเบื้องต้นที่ลำคอมีรอยรัดจนเขียวช้ำ ไม่พบบาดแผลตามลำตัว คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7- 8 ชั่วโมง
สอบสวนญาติผู้ตายให้การว่านายวีรยศ มีอาการซึมเศร้า เนื่องจากได้ไปหลงรักสาวชื่อ “มอส” แต่ว่าสาวไม่เล่นด้วย จึงเกิดอาการเหม่อลอย ซึมเศร้า และเคยกินยาตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ญาตินำตัวส่ง รพ.ได้ทัน แพทย์สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ซึ่งทางญาติก็ได้แต่ปลอบใจ ให้กำลังใจ จนอาการดีขึ้น จนเมื่อวานซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของนายวีรยศ ได้ยินผู้ตายบ่นว่าอยากจัดงานวันเกิด และวันตายพร้อมกัน คือวันที่ 25 มิ.ย. ซึ่งญาติๆ เห็นว่านายวีรยศ หายจากอาการซึมเศร้า มีกำลังใจดีขึ้นมากไม่คิดว่าน่าจะฆ่าตัวตายตามคำพูด จนเมื่อเวลา 19.00 น. นายวีรยศได้ขออนุญาต ออกจากบ้านไปเพื่อขอไปฉลองงานวันเกิดกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน จนผ่านเที่ยงคืนไปก็ยังไม่กลับ คงคิดว่านอนหลับบ้านเพื่อน จนเมื่อเวลาใกล้รุ่งสางชาวบ้านท้ายทุ่งได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นหลายๆ ครั้งติดต่อกันว่า ” มอสกูรักมึงๆๆๆๆๆๆๆๆ” จนเสียงสงบไป ชาวบ้านเอะใจว่าใครมาตะโกนอะไรดึกๆ ดื่นๆ ได้เดินฉายไฟมาตามเสียงที่ได้ยิน ใต้ต้นไม้ใหญ่ เมื่อฉายไฟขึ้นไปบนต้นไม้ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่านายวีรยศ ใช้เชือกผูกคอตายแล้ว จึงได้วิ่งกระหืดกระหอบไปบอก ผู้ใหญ่บ้าน และญาติได้ทราบดังกล่าว ทั้งนี้สารวัตรเวรสอบสวนได้นำร่างผู้ตายส่งพิสูจน์ ที่รพ.อีกครั้งก่อนที่จะมอบศพให้กับญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
