จากเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 63 เวลา 19.02 น. น.ส.เปมิกา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ที่ 9 ต.เขาพระงาม อ.เมือง ลพบุรี พร้อมผู้ปกครอง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ มาช่วย พนักงานสอบสวน สภ.เมือง ลพบุรี ว่าเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 63 เวลา 18.55 น. ตนเองใช้อินตราแกรม ติดต่อกับผู้ใช้อินตราแกรม ซึ่งประกาศขายโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 11 XS max ราคา 14,000 บาท ซึ่งผู้ประกาศขายได้ให้ น.ส.เปมิกา โอนเงินค่ามัดจำจำนวน 6,400 บาท แล้วจะส่งโทรศัพท์มาให้ ส่วนที่เหลือจะชำระเป็นรายเดือนๆละ 500 บาท หลังจากตกลงราคากันเรียบร้อย น.ส.เปมิกา ได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 6731987948 เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 0628540071 ชื่อบัญชี จิราภรณ์ หลังจากที่ น.ส.เปมิกา โอนค่ามัดจำโทรศัพท์ไปแล้วปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวไม่ส่งโทรศัพท์มาให้ตามกำหนด และไม่สามารถติดต่อได้ และได้ลบอินตราแกรมออกจากระบบ ซึ่ง น.ส.เปมิกาเชื่อว่าตนเองถูกหลอกแน่ จึงได้ปรึกษาผู้ปกครองเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ด้วย
น.ส.เปมิกา เล่าว่าตนเองอยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะไอโฟน 11 ราคาปกติ ร่วม 50,000 บาท เห็นว่าถูกและมีการผ่อนได้จึงได้ตัดสินใจซื้อ น.ส.เปมิกา พร้อมผู้ปกครอง หลังจากที่ได้สืบหาข้อมูลในเบื้องต้น และผู้ปกครองของพยายามสืบหาตัว จิราภรณ์ เจ้าของบัญชี ซึ่งถูกอายัดไว้จากเจ้าหน้าที่ธนาคารฯ ทราบว่าเป็นนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ ชื่อ น.ส.จิราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี จึงได้นัดมาเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ น.ส.จิราภรณ์ ได้ติดต่อทางโทรศัพท์ว่า ตนเองเป็นเพียงเจ้าของบัญชีเท่านั้น ซึ่งตนเองรับแลกวอลเล็ท และขายเสื้อผ้าเครื่องสำอาง อาจมีผู้แอบอ้างแคปแชทปลอมมา ซึ่งทางผู้เสียหายได้ขอบัญชีที่โอนเงินไปให้ ทราบว่าเป็นประเภทบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท 0972318717 เลขอ้างอิง 50005011705417 เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 63 เวลา 19.52 น. จำนวนเงิน 6,384 บาท ชื่อ ชนัญธิดา แนวสกล ซึ่ง น.ส.จิราภรณ์ ให้การปฎิเสธว่าไม่รู้จักกับผู้ที่ชื่อชนัญธิดา หลังจากติดต่อทาอินนตราแกรมไม่ได้ แต่จะขอคืนเงินให้ทั้งหมด แต่ทางผู้เสียหายไม่ปักใจเชื่อว่าจะไม่รู้เห็น โดยบอกว่าตนเองได้เข้าร้องทุกข์แจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนหากไม่มาพบตำรวจจะถูกออกหมายเรียก ซึ่งเมื่อจำนนด้วยหลักฐานและความกลัว น.ส.จิราภรณ์จึงยอมเปิดปากว่ารู้จักกับ คนชื่อชนัญธิดา โดยจะขอคืนเงินให้ทั้งหมด ขอให้อย่าดำเนินคดีกับตนเอง ซึ่งผู้เสียหายยืนยันจะต้องมาพบกับพนักงานสอบสวนเสียก่อน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ส.ค.63 น.ส.จิราภรณ์ น.ส.ชนัญธิดา พร้อมญาติ ได้เดินทางมาเพื่อพบ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ มาช่วย พนักงานสอบสวน สภ.เมือง ลพบุรี เจ้าของคดี โดยมีการสอบสวนข้อจริงในเบื้องต้น โดยเฉพาะ น.ส.ชนัญธิดา ได้ก้มกราบผู้เสียหาย ยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมสำนึกผิด และยอมชดใช้ให้ทุกอย่างตามที่ขอ และกล่าวว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพิ่งทำครั้งแรก ซึ่งทางพนักงานสอบสวนกล่าวว่าคดีนี้เป็นคดีอาญาที่ยอมความกันได้ หากผู้เสียหายยินยอมรับค่าชดใช้ แต่ทางฝ่าย น.ส.เปมิกา และผู้ปกครองยืนยันจะเอาเรื่องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากหลานสาวที่ถูกหลอกลวง รวมถึงเพื่อนๆ อีกนับไม่ถ้วนก็โดนแบบนี้เช่นกัน ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบด้วยว่าคนกลุ่มแก๊งนี้หลอกลวงใครมาบ้าง อยากให้ตรวจสอบสเตทเม้นย้อนหลังสัก 6 เดือน ว่าเป็นเช่นไร คาดเป็นแก๊งหลอกลวงแน่นอน ส่วนมากจะยอมความชดใช้ค่าเสียหาย แต่ตนเองไม่ยอมขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ก่อนเดินออกจาก สภ.ไป ปล่อยให้ทั้งหมดที่มาต้องถูกเรียกตัวสอบสวนอีกครั้งนานนับชั่วโมง
ซึ่งตามกฎหมายมาตรา 341 ผู้ใดทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมาตรา 342 ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำำ (1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ (2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย
