จากที่กรมบัญชีกลางเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนรวมดอกเบี้ย จากได้มีการรับเงินซ้ำซ้อนจากกรณีบุตร สามี ที่รับราชการแล้วเสียชีวิตพบว่าที่ลพบุรีมี 10 ราย ที่พร้อมจ่ายและรอคำสั่งศาลจำนวน 2 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มียายทวดวัย 99 ปี ที่โดนหมายศาลเรียกเงินคืนเกือบแสนบาท ซึ่งขอยอมติดคุกพร้อมปฎิเสธคืนเงินรัฐ
เวลา 11.30 น. วันที่ 1 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านของคุณยายทวดแสง สุขคุ้ม อายุ 99 ปี ที่ได้รับหมายศาล เรียกรับเงินคืนเป็นจำนวนเงิน 96,321.73 บาทอีกครั้ง ซึ่งวันนี้ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางกะพี้ ดงพลับ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี และอาชีพทนายความ ว่าจะเดินทางมาหายายแสง สุขคุ้ม อายุ 99 ปี ที่ถูกกรมบัญชีกลางเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุ จากการรับเงินซ้ำซ้อนกรณีลูกชายที่รับราชการเสียชีวิตในระหว่างปฎิบัติหน้าที่ โดนหมายเรียกเงินคืนเกือบ 1 แสนบาท ทำให้ ยายทวดแสง วัย 99 ปี มีอาการคล้ายซึมเศร้า นั่งเหม่อลอย นอนไม่หลับ ตื่นตี1 ตี 2 ซึ่งคงเป็นเพราะยายทวดเกิดความเครียด เรื่องของเบี้ยคนชรา ที่ทางรัฐเรียกคืนดังกล่าว ซึ่งหาทางออกให้ตัวเองและลูกหลานยังไม่ได้
เวลา 11.45 น. เมื่อนายดนุเดช ทนายความเดินมาถึงพร้อมได้ยื่นซองขาว คล้ายของทางราชการ ทำให้ยายทวดแสงถึงกับสีหน้าสลด เนื่องจากคงคิดว่าเป็นหมายศาล ผู้สื่อข่าวได้ถามซองอะไรยาย ลองเปิดดูซิ เมื่อพบว่าเป็นเงินยายทวดถึงกับยิ้ม และอวยพรเป็นการใหญ่ ซึ่งนายดนุเดชกล่าวว่าที่มาวันนี้เนื่องจากได้เห็นข่าวและมีเครือญาติๆ ของยายได้ขอให้ไปช่วยยายด้วยเถิด อีกอย่างก็สงสารยายอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ยังได้สร้างกำลังใจให้กับยายและครอบครัว ที่ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง และไม่รู้ถึงเรื่องกฎหมายดังกล่าวชัดเจน จนทำให้เกิดปัญหาบานปลาย ลุกลามใหญ่โต ส่งผลให้เกิดความทุกข์ใจที่จะต้องหาเงินเบี้ยคนชรามาคืนรัฐ
โดยนายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ทนายความกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดไม่ได้เกิดจากประชาชน แต่เกิดกับกฎระเบียบต่างๆ ที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อบต.เองก็ไม่มีอำนาจที่จะมีสิทธิ์ยื่นฟ้องร้องกับประชาชน เพราะไม่ใช่เงินของ อบต. แต่มันเป็นเงินของกระทรวงการคลัง ที่กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่ขัดแย้งกับพระราชบัญญัติผู้สูงอายุปี 2546 ในมาตรา 12 ผู้ที่ผิดจริงๆ ก็คือกรมบัญชีกลาง ที่มีข้อมูลจ่ายบำเหน็จ บำนาญให้กับประชาชน ซึ่ง อบต.เป็นเพียงผู้ปฎิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยกำหนดมาเท่านั้น โดยไม่ทราบมาก่อนว่าใครจะได้รับบำเหน็จบำนาญ มาก่อน ในส่วนเบี้ยคนชราเมื่อครบกำหนดอายุ 59 ปี อบต.ตรวจสอบรายชื่อส่งทางจังหวัด จังหวัดส่งทางมหาดไทย ทางมหาดไทยส่งไปยังกรมบัญชีกลาง
ทั้งนี้นายดนุเดชกล่าวต่อว่าอยากฝากถึงรัฐบาลว่าขณะนี้มันมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก กระทรวงมหาดไทยออกกฎหมายมาเป็นจำนวนมาก ทั้งปี 2548 ปี 60 -61 และ 62 ซึ่งระเบียบดังกล่าวขัดกับพระราชบัญญัติที่ทางรัฐสภาเป็นผู้ออกกฏหมาย แต่ระเบียบมีรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ออกกฎหมาย ซึ่งมันขัดกับพระราชบัญญํติเพราะมีศักดิ์ที่สูงกว่า จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามยายทวดแสง ว่าได้ฟังแล้วเป็นอย่างไร โดยยายทวดมีสีหน้าแจ่มใส และพูดว่าทาง อบต.เขาก็กลัวมีความผิดเหมือนกัน แต่พอได้ฟังทนายพูดแล้วก็มีความเข้าใจดีอย่ายิ่ง ซึ่งเรื่องนี้ตนเองและครอบครัวลุกหลาน ก็ไม่เคยรู้มาก่อน จนเกิดความกังวลเครียด จนนอนไม่หลับ เนื่องจากหมดหนทางหาเงินใช้หนี้รัฐบาบจริงๆ ก่อนอวยพระให้กับทนาย โดยมีนางกมลวรรณ อายุ 64 ปี ลูกลาวยายทวดนั่งฟังด้วยความตื้นตันใจ น้าตาไหลพรากโดยกล่าวเพียงสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวว่าดีใจปลื้มใจ ตื้นตันใจที่สุดที่มีผู้มาช่วยเหลือชี้แนะแนวทางให้กับแม่และครอบครัวของตนเองให้พ้นทุกข์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: