เวลา 04.45 น. วันที่ 1 มี.ค. 64 พ.ต.ท.ประยูร วิเศษชาติ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังกึกก้องที่ร้าน ชอนั่มแก๊ส ถนน.ปิยะบุตร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งได้ประสานรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลบ้านหมี่ กู้ชีพฉุกเฉิน รพ.บ้านหมี และมูลนิธิอริโยธรรมสถานรุดเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวหลายคูหา 3 ชั้น ที่หน้าร้านเลขที่ 80 ร้านชอนั่มแก๊ส มีเศษกระจก กระจายเกลื่อนหน้ารถ และบนถนน เมื่อเดินเข้าใกล้พบว่ามีกลิ่นแก๊สเหม็นกระจายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ภายในบ้านพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บเดินวนเวียนภายในบ้าน เจ้าหน้าที่เทศบาลต้องกันพื้นที่และประชาชนออกห่าง ห้ามเปิดไฟฟ้าและก่อประกายไฟโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งได้ช่วยกันพังประตูเหล็กนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาได้ในเวลาต่อมา นำตัวส่ง รพ.บ้านหมี่ ทราบชื่อนายพรชัย มีสุขเจริญ อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผิวหนังลอกหลุดลุ่ยทั้งตัว สอบถามไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถให้การได้
นางวิมล วงษ์ณิชากุล อายุ 70 ปี บ้านเลขที่ 78 ถ.ปิยะบุตร ตึกติดกันเล่าด้วยความระทึกว่า ช่วงเกิดได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น จนตึกสะเทือน จึงได้พาครอบครัวที่กำลังหลับนอนวิ่งหนีกันออกมาจากบ้าน พบว่ามีเศษกระจกเกลื่อน และกลิ่นแก๊สกระจายคลุ้งหน้าร้านแก๊ส จึงได้หนีออกห่างเกรงจะระเบิดซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตัดกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน เข้าไปในบ้านเพื่อทำการเคลียร์พื้นที่ พบที่เกิดเหตุข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายจากแรงระเบิด พบต้นเหตุเกิดจากภายในห้องครัว พบเป็นถังแก๊สขนาด 60 กิโลกรัมถูกดึงออกมาจากใต้เตา จุกวาล์วหลุด สายแก๊สมีรอยไหม้เกรียม ซึ่งน่าจะเป็นถังที่แก๊สรั่วไหล สะสมกระจายอยู่ภายในห้องครัว ที่กั้นกระจกไว้ถึง 3 ชั้น ภาย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบสถานที่แห่งนี้เคยเป็นร้านทำฟันมาก่อน ก่อนที่จะมาเปิดเป็นร้านจำหน่ายแก๊ส ซึ่งมีนายพรชัย เจ้าของร้านอาศัยอยู่เพียงผู้เดียว คาดว่านายพรชัยน่าจะได้กลิ่นแก๊สกระจายไปทั่วบริเวณ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องครัว มวลแก๊สที่รั่วไหลอัดแน่นภายในห้องกระจกในครัวเต็มห้อง เมื่อเปิดสวิทช์ไฟ แก๊สได้ระเบิดบึ้มสนั่น ส่งผลให้กระจกที่กั้นถึง 3 ชั้น ถูกแรงระเบิดพุ่งออกมาหน้าร้านอย่างรุนแรง ข้าวของพังเสียหาย เดชะบุญที่ถังแก๊สอีกจำนวนมากไม่ระเบิดซ้ำ ตำรวจได้บันทึกสถานที่เกิดเหตุ สอบสวนพยานใกล้ที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิด เพื่อที่จะได้ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
