ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรีร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองป้องกัน ประชาชน เยาวชน นักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะจักรยานยนต์รับจ้าง ได้ร่วมกันดำเนินการรณรงค์ป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อลดความสูญเสีย และความเสียหาย ทั้งในเรื่องของชีวิต รางกาย ทรัพย์สิน ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ และสังคมโดยรวมในจังหวัด และประเทศ ในโครงการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินรณรงค์การจับ ปรับ ยึด ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.-14 ก.พ.62 และตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 62 เป็นต้นไป หากผู้ใดยังฝ่าฝืนจะไม่อนุญาตให้ขับขี่ หรือโดยสารรถจักรยานยนต์อีกต่อไป
จากเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ที่ผ่านมาจังหวัดลพบุรี มีการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 56 ครั้ง บาดเจ็บจำนวน 55 คน เสียชีวิต 7 ราย ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดได้แก่รถจักรยานยนต์ จำนวน 50 คัน ในจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกนิรภัย ดังนั้นตำรวจภูธรภาค1 ตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี และจังหวัดลพบุรี จึงร่วมกันกำเนินการโครงการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ สร้างความตระหนักให้แก่ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ในขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์
ในช่วงแรกเมื่อพบเห็นผู้ขับขี่หรือผู้ซ้อนท้ายที่ไม่สวมหมวกนิรภัย จะดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยการออกใบสั่งจราจรในข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือข้อหา “เป็นผู้ขับขี่ยินยอมให้ผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัย ในขณะโดยสารรถจักรยานยนต์” โดยจะไม่อนุญาตให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร รถจักรยานยนต์ต่อไปอย่างผิดกฎหมายอีก จนกว่าผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารจะสวมหมวกนิรภัย และปฎิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่อย่างครบถ้วน ควบคู่กับการว่ากล่าว ตักเตือนแนะนำ ในช่วงรณรงค์
ช่วงเข้มข้น คือตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 62 เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หากพบการกระทำผิดของผู้ขับขี่ หรือผู้โดยสารที่ไม่สวมหมวกนิรภัย จะดำเนินการตามกฎหมายโดยากรออกใบสั่งในข้อหา “ไม่สวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ “ หรือข้อหาเป็นผู้ขับขี่ยินยอมให้ผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัย ในขณะโดยสารรถจักรยานยนต์ “ โดยจะไม่อนุญาตให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร ขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ต่อไปอย่างผิดกฎหมายอีก จะมีการนำตัวไปให้พนักงานสอบสวนพิจารณาเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดตามกฎหมายกำหนดทันที
