วันที่ 8 ก.พ. 62 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางส่ง ใจดีเย็น อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169/1 หมู่ที่ 10 ต.สระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ ลพบุรี ซึ่งเป็นย่าของ ด.ช. พีค (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สระโบสถ์ ได้ติดต่อขอพบกับผู้สื่อข่าว หลังจากที่หลานชายถูกโค้ชฟุตบอลกระหน่ำตีจนก้นแตก ได้รับบาดเจ็บทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดหลายวัน รีบพาหลานไปรักษาตัวที่ รพ.ก่อนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.62 ที่ผ่านมา แต่เรื่องกลับเงียบ โค้ชยังลอยหน้าไม่รับรู้ ท้าให้เอาเรื่อง ตำรวจออกหมายเรียกก็ยังนิ่งเฉย
เรื่องราวของโค้ชโหดตีก้นเด็กจนแตกในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเย็นของวันที่ 22 ม.ค.62 ที่ผ่านมา จาก น้องพีค ทีเป็นนักกีฬาฟุตบอลประจำทีม ตำแหน่งผู้รักษาประตู ทีมหนึ่ง ที่มีเพื่อนร่วมทีมกว่า 20 คน และมีนายคมสันต์ จันทร์แก้ว อายุ 35 ปี เป็นโค้ชอาสา ในการฝึกสอนได้เรียกน้องพีค มาตีด้วยไม่รวกจำนวน 11 ครั้ง อีกทั้งยังให้เพื่อนร่วมทีมเรียงแถวตีน้องพีค อีกคนละที ในข้อหาไม่มาซ้อมฟุตบอล จนน้องพีค ต้องเดินร้องให้กลับบ้าน จนย่าและพี่สาวคั้นความจริงจึงยอมปริปาก เปิดแผลที่ก้นให้ดู ใจย่าแทบสลายเมื่อพบว่าก้นหลานชายแตกยับก่อนรีบนำตัวส่ง รพ.รักษาอาการอยู่นานนับอาทิตย์ ทนไม่ไหวรุดไปเผชิญหน้าสอบถาม กลับถูกท้าทายให้ไปแจ้งความ ย่ารีบโร่แจ้งตำรวจดำเนินคดีในวันรุ่งขึ้น ผ่านมากว่า 2 อาทิตย์เรื่องกลับเงียบจนต้องพึ่งผู้สื่อข่าว
ข่าวน่าสนใจ:
ผู้สื่อข่าวได้พานางส่ง พี่สาวน้องพีค เข้าพบ พ.ต.ต.ศรีธนน สำลี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.สระโบสถ์ เจ้าของคดี เพื่อสอบถามความคืบหน้าแต่เนื่องจากสารวัตรเวรสอบสวน ติดภารกิจไปราชการ จึงได้ประสานทางโทรศัพท์ ซึ่งได้รับแจ้งว่าได้ออกหมายเรียกนายคมสันต์ ไปตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 62 แต่นายคมสันต์ ได้ขอผัดผ่อน อ้างติดธุระสำคัญไม่สามารถมาตามหมายเรียกได้ ซึ่งจะเข้าพบอีกครั้งในวันที่ 14 ก.พ. 62 นี้เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เห็นว่านายคมสันต์มีการติดต่อเข้ามาแล้วจึงต้องรอ และนายคมสันต์มีที่พักอาศัยอยู่ใน อ.สระโบสถ์ ไม่น่าจะหลบหนี ซึ่งถ้าออกหมายเรียกอีกครั้งไม่มาก็คงต้องออกหมายจับตามกฎหมาย
นางส่งย่า และพี่สาวของน้องพีคเล่าด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตนเองและครอบครัวซึ่งเป็นผู้เสียหายแท้ๆ ยังไม่ได้รับคำขอโทษจากพ่อ แม่ และนายคมสันต์ แต่กลับถูกเย้ยหยันจนเกิดความกังวลว่าคดีนี้คงไม่มีความคืบหน้าแน่ นางส่งเล่าว่า สาเหตุที่ไม่ให้น้องพีคไปซ้อมกีฬา เนื่องจากว่าเคยได้ยินว่าหลานถูกทำโทษมาหลายครั้ง และน้องพีค กำลังจะจบในชั้นประถมปีที่ 6 ซึ่งต้องการให้หลานได้มีเวลาอ่านหนังสือสอบเลื่อนชั้น ม.1 ซึ่งหลังจากที่มัวซ้อมกีฬาการเรียกตกต่ำกว่าเมื่อก่อนมาก อีกทั้งการไปแข่งขันฟุตบอลแต่ละครั้งจะต้องนั่งหลังรถกระบะไปเป็นจำนวนหลายคน เกรงหลานจะได้รับอันตราย และที่สำคัญจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อเสื้อผ้าชุดกีฬาเอง รวมถึงค่าเดินทางครั้งละจำนวนมาก หลานและเพื่อนร่วมทีมต้องเดินขอเรี่ยไรชาวบ้านในตลาดเอง ซึ่งตนเองฐานะก็ไม่ค่อยดี ต้องเลี้ยงหลานในวัยเรียนถึง 2 คน
ด้านน้องพีคเล่าว่าตอนแรกไม่กล้าบอกย่า แต่ทนเจ็บไม่ไหวให้ย่าพาไป รพ. ตนเองโดนนายคมสันต์ โค้ชโหดตีจำนวน 11 ครั้ง และเพื่อนร่วมทีมที่ไม่เต็มใจตีตนเองนักอีกคนละที จนก้นแตก เลือดไหลเต็มกางเกงเดินร้องให้กลับบ้าน ซึ่งนางส่งผู้เป็นย่ากล่าวว่าตอนแรกอยากจะขอแค่ทำขอโทษ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงทีสุด และอยากจะให้ทุกคนประณามการกระทำเช่นนี้ของนายคมสันต์ ขออย่ามาอาสาสอนเด็กอีกเลย นิสัยโหดแบบนี้ไม่สมควรที่จะมาดูแลเด็กอีกต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: