สุราษฎร์ธานี-ยกระดับป้องกันโควิด -19 เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีเดินหน้าล้างตลาดต่อเนื่องขณะที่หนุ่ม รปภ.ชาวไชยาขึ้นป้ายกลับจากพื้นที่เสี่ยงขอกักตัวเอง 14วั น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่พบผู้ป่วยโควิด-19 ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีถึง 10 คน โดยคนแรกเป็นชายอายุ53 ปี อาชีพขับรถส่งกุ้งกลับจากจังหวัดสมุทรสาครและรักษาหายแล้ว ส่วน 9 คนหลังเป็นคนในครอบครัวเดียวกันโดยติดจากหญิงอายุ 50 ปีเดินทางจาก จ.สมุทรสาครมาเยี่ยมญาติที่
จ.สุราษฎร์ธานีในช่วงปีใหม่จึงแพร่เชื้อติดทั้งครอบครัวอยู่ในระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และโรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์
ล่าสุดวันนี้ (6 ม.ค.64 ) ทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังและป้องกันโดยนายธีระกิจ หวังมุทิตากุล นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำความสะอาดฉีดล้าง และฉีดสารเคมีฆ่าเชื้อ ในบริเวณตลาดภูธร8 และพื้นเสี่ยงทั้งเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และกำชับเน้นย้ำสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้บ่อย เลี่ยงที่ชุมชน /สุราษฎร์ธานีไม่ประมาทการ์ดอย่าตก//เราจะผ่านโควิด-19ไปด้วยกัน //ดูแลทุกท่านด้วยความห่วงใยจากเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
ขณะที่ในพื้นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานีขอชื่นชม นายทรงพล เด่นสกุลรุ่งเรือง อายุ 49 ปีหนุ่ม รปภ.หรือพนักงานรักษาความปลอดภัย ที่เพิ่งเดินทางกลับจากกรุงเทพฯซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง ขอกักตัวเองตามลำพังรอดูอาการ 14วัน เขียนป้ายหน้าบ้านอย่างชัดเจน ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง ในตำบลเลม็ด (ละ-เม็ด) อำเภอไชยา โดยให้ญาติจัดเตรียมเรื่องอาหารการกิน อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ตั้งแต่เริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไม่แวะที่ไหนเมื่อถึงบ้านก็ขับรถพุ่งตรงเข้าไปที่พักเลย ไม่พบปะหรือสัมผัสกับใครติดต่อทางโทรศัพท์เท่านั้น
เมื่อต้องการอาหารเพิ่มเติมหรือขาดอะไรญาติจะขับขี่รถจักรยานยนต์นำมาส่งให้ ด้วยการวางไว้บริเวณ เก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน เมื่อญาติกลับออกไปค่อยไปเอาของเข้าบ้าน ซึ่งวันนี้กักตัวเป็นวันที่ 2แล้ว ยังไม่มีอาการที่บ่งชี้ว่าติดไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด ซึ่งเจ้าตัววางแผนอีกว่า เมื่อกักตัวครบ 14 วันแล้ว อาจจะนอนรอดูอาการต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชน เพื่อนร่วมงานและญาติพี่น้อง และขอฝากไปถึงทุกคนที่เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และกักตัวเองรอดูอาการ 14 วันตามแนะนำ ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ขอให้คิดว่าทำเพื่อคนในครอบครัวของเราเองและสังคมส่วนรวม.
//ขอบคุณภาพนิ่งเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี//
