สุราษฎร์ธานี-ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. ภาค 2 พร้อมด้วย ปปง. สรรพากร และฝ่ายกฎหมาย ศรชล. ร่วมประชุมความคืบหน้าและแถลงผลการดำเนินการกับผู้บุกรุกพื้นที่ชุ่มน้ำเพาะเลี้ยงหอยแครงอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเรียกผู้บุกรุกจำนวน 7 รายมาสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินก่อนลงพื้นที่ดูสภาพจริงอีกครั้ง
จากปัญหาความขัดแย้งแย่งชิงผลประโยชน์ลูกหอยแครงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพื้นที่ทะเลสาธารณะเขตชุ่มน้ำนานาชาติ อ่าวบ้านดอน เขต อ.เมือง กับ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จนเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน/ผู้นำชุมชนและผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงหอยแครง จนในที่สุดทางรัฐบาลส่งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล.(สอน-ชน )มาบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหานานกว่า 8 เดือนแล้ว และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2564 ในพื้นที่ 2 อำเภอนำร่องคือ อ.เมืองกับ อ.พุนพินซึ่งเป็นเขตทะเลสาธารณะไม่อนุญาตให้ทำการจับจอง
โดยวันนี้ (20 ม.ค.64 )ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณอ่าวบ้านดอน ที่วัดชลธาร ม.2 ต.บางไทร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พลเรือโท สำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทหารเรือภาค 2 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อนร่วมแถลงข่าวกับทีมกฎหมาย ปปง.และสรรพากร ถึงผลการดำเนินการสืบสวนสอบสวนการบุกรุกพื้นที่อ่าวบ้านดอนที่ผ่านมาโดยเรียกผู้ที่ครอบครองและแสดงตัวตนเป็นเจ้าของบ้านหรูหรือขนำหรู และจับจองพื้นที่กั้นเป็นคอกหอยจำนวน 7 รายมาดำเนินการสอบสวนเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้เลี้ยงหอยดังกล่าวก่อนที่จะนำกฎหมายของสรรพากรมาบังคับใช้อีกครั้งหนึ่ง
พลเรือโท สำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทหารเรือภาค 2 หรือ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินการรื้อถอนขนำกลางคอกหอยในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอเมืองและอำเภอพุนพิน จำนวน 176 หลัง ขณะนี้รื้อถอนไปเกือบหมดแล้วเหลือเพียงประมาณ 9 หลัง ที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการรื้อถอนให้แล้วเสร็จในอำเภอเมืองจำนวน 3 หลัง อำเภอพุนพิน 6 หลัง โดยจะต้องรื้อถอนให้หมดไม่มีการยกเว้นแต่อย่างใดแม้กระทั่งเสาขนำเพราะจะทำให้คนเหล่านี้กลับมาสร้างขนำใหม่ได้อีกให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม หลังจากนั้นจะเข้ารื้อถอนในอำเภอกาญจนดิษฐ์ต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปบ้างแล้วบางส่วน
จากนั้นพลเรือโทสำเริง จันทร์โส พร้อมคณะได้ลงพื้นที่อ่าวบ้านดอนไปดูสภาพบ้านหรูกลางทะเลหรือขนำที่ปัจจุบันเหลือเพียงห้องน้ำและเสาอีกจำนวนหนึ่ง โดยแสดงสีหน้าค่อนข้างพอใจอย่างมากที่การดำเนินการมีความก้าวหน้าไปมาก และเชื่อมั่นว่าทะเลสาธารณะอ่าวบ้านดอนจะต้องไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือคอกหอยในอนาคตและต้องเป็นพื้นที่นำร่องในเขตจังหวัดอื่นต่อไป.
