สุราษฎร์ธานี-ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานีสุดโหดควงลูกซอง 5 นัดและปืนสั้นจ่อยิงญาติผู้น้องดับพร้อมลูกชาย 2 ศพหลังก่อเหตุเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน
จากกรณีเกิดเหตุผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยิงญาติ 2 ศพเสียชีวิตคาที่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เหตุเกิดที่บ้าน เลขที่ 32/2 ม.3 ต.ท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในที่เกิดเหตุมี ผู้เสียชีวิต 2 ศพ รายแรกคือนายประภาส แก้วกันรัตน์ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาวที่ศีรษะ 1 นัดเสียชีวิตบริเวณประตูหน้าบ้าน ศพที่ 2 คือ นายอิทธิพล แก้วกันรัตน์ อายุ 25 ปี ลูกชายถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันจำนวน 2 นัดกระถูกที่หน้าอกและลำตัว นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องนอน
จากการสอบสอนในเบื้องต้นคนในบ้านให้การว่า ขณะที่ทุกคนภายในบ้านกำลังนอนหลับก็มีเสียงปืนดัง จึงรีบลุกขึ้นมาดู พบว่านายฉัตรชาย บัวแก้ว อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ตำบลท่าทอง ที่มีบ้านอยู่ใกล้กันห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตประมาณ 10 เมตร ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิง นายประภาสที่ศีรษะล้มลงเสียชีวิตทันที นายอิทธิพล ลูกชายเห็นพ่อถูกยิง จะเข้าช่วยแต่ถูกยิง 2 นัดเสียชีวิตเช่นกัน โดยคนร้ายหันกระบอกปืนไปทางภรรยาและลูกสาวของผู้ตายพร้อมกับตะโกนบอกว่าจะฆ่าล้างครัว ทำให้ทั้งหมดต้องวิ่งหนีตายออกจากบ้าน โดยที่มี น.ส.จิตตรา ภูเหลื่อม อายุ 24 ปี ภรรยานายอิทธิพล กับน.ส.นริศรา บุญหนองเหล่า อายุ 31 ปีพี่สาวของ น.ส.จิตตรา อยู่ในเหตุการณ์และยกมือไหว้ร้องขอชีวิต จากนั้นคนร้ายก็วิ่งขึ้นรถยนต์เก๋งหลบหนีไป จากนั้นญาติ ๆ ผู้เสียชีวิตพยายามโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
ต่อมาทราบว่า นายฉัตรชาย หรือ เดียร์ บัวแก้ว ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ท่าทอง อ.กาญจนดิษฐ์ ได้เดินทางมาเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ พร้อมกับอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ก่อเหตุ และรับสารภาพว่าตนเองเป็นคนยิงสองพ่อลูกจนเสียชีวิตจริง
สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุเมื่อต้นปี ที่ผ่านมานายประภาส หรือสาร แก้วกันรัตน์ (ผู้ตาย) ได้ถูกตำรวจจับกุมในข้อหายาเสพติด และศาลยกฟ้องซึ่งนายประภาส เข้าใจว่านายฉัตรชายเป็นผู้แจ้งตำรวจให้มาจับกุมจึงมีความคับแค้นในใจ และมีการพูดจากระทบกระทั่งกันมาตลอด
โดย นายฉัตรชาย ให้การเพิ่มเติมว่าช่วงประมาณ 01.30 น.ก่อนเกิดเหตุ นายประภาส ได้มาพูดจาด่าทอ ตนในเรื่องเดิมอีก ทำให้บันดาลโทสะที่ถูกด่าบุพการี จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนลูกซองยาวกระหน่ำยิงนายประภาส และนายอิทธิพล จนเสียชีวิตคาที่จากนั้นได้เดินทางมามอบตัวทันที ซึ่งทางพนักงานสอบสอบปากคำ และแจ้ง 3 ข้อหาหนักคือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ข้อหา พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและทางพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่สนใจของสังคม
นางวรรณา แก้วกันรัตน์ อายุ 50 ปี ภรรยานายประภาส กล่าวว่า ครอบครัวตนเองกับครอบครัวผู้ต้องหาเป็นเครือญาติกันโดยมีทวดคนเดียวกัน แต่ที่ผ่านมาไม่เคยสุงสิงกัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่คาดคิดว่าผู้ต้องหาจะกระทำรุนแรงถึงฆ่าได้ลงคอ 2 ศพ เมื่อทำผิดแล้วตนต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดแม้จะเป็นญาติกันก็ตาม
น.ส.อาริตา แก้วกันรัตน์ อายุ 20 ปีลูกสาวคนเดียวและเป็นคนสุดท้องของนายประภาส แก้วกันรัตน์ และเป็นน้องสาวของอิทธิพล แก้วกันรัตน์ ผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวของตนเองไม่เคยสุงสิงกับครอบครัวผู้ต้องหาแม้ว่าจะเป็นญาติกัน และตนเองทราบว่าผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐคือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้วิงวอนให้ทางตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ผู้ก่อเหตุต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและได้รับโทษสูงสุด.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: