สุราษฎร์ธานี-ขอชื่นชมคนดีของสังคมมีน้ำใจประเสริฐ หญิงวัยกลางคนพบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ในงานบำเพ็ญกุศลศพ ให้เจ้าของงานประกาศหาเจ้าของสร้อย เพื่อคืนโดยไม่คิดว่าจะเก็บไว้เป็นของตนเอง เพียงมองว่าเมื่อของมีค่าเขาสูญหายคงมีความวิตกกังวล อำเภอเตรียมประกาศให้เป็นคนดีมีน้ำใจของอำเภอคีรีรัฐนิคม
ที่วัดเสริมนิมิตร หรือวัดอำไก่ ต.บ้านยาง อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี มีการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของคุณพ่อปั้น สุดสิน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในวันดังกล่าวสร้อยคอทองของนางกาญจนา วิเชียรวงศ์ อายุ 64 ปี (ทราบภายหลัง) ได้หลุดออกจากคอไปทำให้เป็นที่วิตกกังวลและได้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาขอให้ได้สร้อยคืน จนในที่สุดทราบจากเจ้าภาพว่ามีคนพบสร้อยแล้วให้เจ้าของงานประกาศหาเจ้าของทำให้เจ้าของสร้อยดีใจอย่างมาก พร้อมมอบเงินให้จำนวนหนึ่งเพื่อแสดงถึงความมีน้ำใจที่นำสร้อยมาคืนให้โดยไม่คิดนำไปเป็นของตนเอง
นางกาญจนา วิเชียรวงศ์ อายุ 64 ปี กล่าวว่า ก่อนที่จะมาวัดอำไก่ ได้ไปงานศพที่วัดเชี่ยวม่วงมาก่อน แต่เมื่อมาถึงที่วัดยังไม่ทราบว่าสร้อยหายไปแล้ว เมื่อกินข้าวเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านก็นุ่งผ้ากระโจมอก หลังจากนั้นก็จะถอดเสื้อ เมื่อถอดเสื้อออก พบว่าที่คอไม่มีสร้อยทองแล้ว ตนเองถึงกับทรุดลงกับพื้นไม่รู้จะทำอย่างไร คิดว่าคงไม่ได้คืนแล้ว แต่ได้โทรศัพท์หาเจ้าของงานศพว่าหากใครพบทองให้แจ้งด้วย ซึ่งก็ได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพบูชา ว่าใครพบสร้อยให้ดลจิตดลใจ ขอให้คืนกับเจ้าภาพงานศพเพื่อเจ้าภาพจะได้ติดต่อมายังตน จากนั้นไม่นานเจ้าภาพก็โทรศัพท์มา แล้วถามตนเอง ว่าสร้อยตนหายใช่หรือไม่ ตนจึงตอบไปว่าใช่ แล้วบอกว่ามีคนพบแล้ว นำมาคืนให้แล้ว ตนดีใจมาก และคิดไม่ถึงว่าคนที่พบคนนั้น จะมีจิตใจดีงามขนาดนี้ ที่พบสร้อยทองแล้วนำมาคืน หลังจากนั้นได้ให้คนประสานไปยังคนที่พบพร้อมมอบเงินสดให้จำนวน 5 พันบาทเป็นสินน้ำใจ
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านนางสาวธัญญาเรศ มวลทิพย์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ที่ 2 ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม หญิงผู้มีน้ำใจดีงาม ผู้พบทอง กล่าวว่า ตนมีอาชีพกรีดยาง ที่บ้านอยู่ด้วยกัน 5 คน มีสามี มีลูก 2 คน และหลาน 1 คน บ้านตนอยู่ห่างจากวัดประมาณ 6 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 3 พ.ย ตอนกลางวันได้เดินทางไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพที่วัดอำไก่ ในขณะที่ตนเดินไปที่ถังน้ำแข็งเพื่อเอาน้ำให้ลูกสาวก็ไปพบสร้อยคอทองคำตกอยู่ข้างถังน้ำแข็ง เมื่อหยิบมาดูรู้ว่าเป็นทองคำแท้ เนื่องจากมีน้ำหนักเบาจึงไปมอบให้กับเจ้าของงานเพื่อประกาศหาเจ้าของ โดยไม่คิดว่าจะเอาเป็นของตนเอง เพราะการเอาของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเราจะทำให้เราเป็นทุกข์ ก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อเจ้าของเขาได้รับสร้อยคอหนัก 1 บาทคืน เขาก็มอบเงินสดให้มาจำนวน 5 พันบาท เพื่อแสดงน้ำใจก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเจ้าของทองจะให้เยอะขนาดนี้
นางสาวศริญดา ปาละคเชนทร์ นายอำเภอคีรีรัฐนิคม ได้ให้ปลัดอำเภอเข้าไปเยี่ยมบ้านของคนที่พบสร้อยแล้วนำส่งคืนเจ้าของเพื่อขอทราบประวัติและสภาพความเป็นอยู่ว่ามีฐานะเป็นอย่างไร เพื่อที่ทางอำเภอจะให้การช่วยเหลือได้บ้างเพราะมองว่าสังคมปัจจุบันนี้หาคนแบบนี้ได้น้อยมาก และหากเป็นไปได้จะเสนอให้เป็นบุคคลตัวอย่างหรือคนดีของสังคมที่มีน้ำใจอันดีงาม.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: