X

รมช.พาณิชย์ ผลักดันสหกรณ์ไทย รุกใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอเน้นสินค้าผลไม้และกุ้ง

วันนี้(20ก.ย.62) ณ โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ติดอาวุธสหกรณ์ไทยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ” และ “ยกระดับการแข่งขันสหกรณ์ไทย ให้ก้าวไกลในโลกการค้าเสรี ซึ่งกรมเจราการค้าระหว่างประเทศร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดมาตั้งแต่ปี 2554 ปัจจุบันได้ดำเนินการมา 9 ปีแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีฉบับต่างๆ เพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม ในลดต้นทุนการทำธุรกิจอำนวยความสะดวกทางการค้า เพิ่มแต้มต่อยอดให้กับสินค้าสหกรณ์ และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของสมาชิกสหกรณ์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ให้กับสมาชิกสหกรณ์ เกษตรกร ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ และพังงา กว่า 200 คน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี เปิดตลาดสินค้าของสหกรณ์ไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและกลุ่มสหกรณ์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่19-20 กันยายน 2562 เพื่อผลักดันนโยบายให้สหกรณ์และเกษตรกรใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) สร้างแต้มต่อในการส่งออกสินค้าเกษตรในพื้นที่ โดยเฉพาะผลไม้ เช่น เงาะ กล้วยหอม และกุ้ง ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพสูง และพร้อมผลักดันไปตลาดต่างประเทศ เช่น อาเซียน จีน และญี่ปุ่น โดยไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออกจากไทยแล้วภายใต้ข้อตกลงร่วมกันในเอฟทีเอ โดยปัจจุบันสหกรณ์รวบรวมเงาะได้วันละ 2.5 ตัน ส่งขายในราคากิโลกรัมละ 160 บาท ในขณะที่ราคาเงาะในประเทศกิโลกรัมละ 20 กว่าบาท นับว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าได้หลายเท่า พร้อมช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรได้อย่างยั่งยืน ในอนาคตสหกรณ์เตรียมส่งออกเงาะพรีเมี่ยมโดยใช้แบรนด์ของสหกรณ์เอง ชื่อ “เคหว่อง” และมีแผนออกแบบบรรจุภัณฑ์จัดทำ QR CODE เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งผลิตได้

                       สำหรับสหกรณ์มีแผนสร้างห้องเย็นเพื่อแปรรูปเป็นสินค้ากุ้งพรีเมี่ยม และเพื่อลดต้นทุนการผลิต เตรียมส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยสหกรณ์ได้ไปแสดงโชว์สินค้าที่จีนและญี่ปุ่นมาแล้ว ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีแผนส่งออกหลังสร้างห้องเย็นเสร็จ ทั้งนี้จะเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้ากุ้งและเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และลดปัญหาราคาสินค้ากุ้งตกต่ำเมื่อเทียบจากปีที่แล้วที่ลดลง 15-20 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน