นนทบุรี – กระทรวงสาธารณสุข แจ้งข่าวดี ผู้ป่วยคนไทยกลับบ้านที่ติดเชื้อโควิด-19 รักษาหาย กลับบ้านแล้ว ยืนยัน ไม่ได้ห้ามเดินทางไปประเทศที่มีรายงานการระบาด แต่แนะนำให้เลี่ยง/เลื่อน หากจำเป็นขอให้ป้องกันตัวเอง
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข นำแถลงข่าว สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ประจำวัน ว่า วันนี้มีข่าวดี ผู้ป่วยยืนยันกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 คน เป็นชายไทยอายุ 24 ปี รักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี เป็น 1 ในกลุ่มคนไทยกลับบ้าน 138 คน ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 20 คน เหลือนอนในโรงพยาบาล 15 คน รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 35 คนเท่าเดิม ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด และรายที่เป็นวัณโรคร่วมด้วย อาการคงที่ ยังอยู่ในห้องไอซียู ทีมแพทย์ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (21 ก.พ.63) ประเทศไทยดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครบ 50 วัน โดยเริ่มคัดกรองผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค ตั้งแต่ 3 ม.ค.63 ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีรายงานการระบาดจากคนสู่คน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจระบบเฝ้าระวังควบคุมโรคของไทย ซึ่งยังเข้มมาตรการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และเป็นประเทศแรก ๆ ของโลก ที่เริ่มการคัดกรองทุกสนามบิน ที่มีเที่ยวบินตรงมาจากเมืองที่มีการระบาด ทำให้ตรวจพบผู้ป่วยยืนยันนอกประเทศจีนรายแรกของโลก
รัฐบาลได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการระดับประเทศ และคณะกรรมการอำนวยการโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เตรียมพร้อมรับมือหากเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการระบาดวงกว้างในประเทศ โดยขณะนี้ได้ร่วมกันเข้มมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้เดินทาง ทั้งที่ท่าอากาศยาน ท่าเรือ ด่านพรมแดนทางบก รวมทั้งการเฝ้าระวังในประเทศ เน้นใน 8 จังหวัดท่องเที่ยว
ข่าวน่าสนใจ:
ด้วยนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า แม้ภาพรวมความเสี่ยงในประเทศขณะนี้ยังต่ำมาก แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังควบคุมสถานการณ์เต็มที่ เพื่อให้ยืดระยะเวลาที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากออกไปให้นานที่สุด สิ่งสำคัญคือความร่วมมือ และความเข้าใจของคนไทย จะต้องไม่ตื่นตระหนก ไม่เชื่อข่าวลวง งดแชร์ข้อมูลที่เป็นเท็จที่แชร์ ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมนานหรือไม่ ก็จะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้
หากมีไข้ ร่วมกับอาการไอ จาม มีน้ำมูก ต้องพักอยู่ที่บ้าน สวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปพบแพทย์ ผู้ที่ไม่ป่วยขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ล้างมือบ่อย ๆ หลังสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ ไม่นำมือมาสัมผัสใบหน้า จมูก ปาก สำหรับคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่นคนทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยว ให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง หากมีอาการคล้ายไข้หวัด ไอ จาม มีน้ำมูก ให้รีบไปพบแพทย์
นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณีหลายหน่วยงาน ออกคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน เดินทางไปประเทศที่พบการระบาดของโรคว่า ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เป็นความห่วงใยแต่ละหน่วยงาน กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า ไม่ได้ห้ามเจ้าหน้าที่ในสังกัดเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้พิจารณาชะลอหรือเลื่อนการเดินทางในช่วงนี้ไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากร
ทั้งนี้ องค์การอนามัย มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1.ก่อนเดินทาง ให้หาข้อมูลสถานการณ์การระบาดของประเทศปลายทาง หากไม่จำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงหรือเลื่อน แต่หากจำเป็นขอให้เตรียมป้องกันตนเอง เช่น เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย และศึกษาคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อ
2.ระหว่างการเดินทาง ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนรวมกันจำนวนมากหรือที่สาธารณะ ขอให้หมั่นล้างมือ อย่าขยี้ตา แคะจมูก ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน หากเจ็บป่วยให้ประสานขอความช่วยเหลือกับสถานทูต
3.เมื่อเดินทางกลับ ประเทศไทยไม่มีนโยบายกักตัวที่สนามบิน แต่มีมาตรการการตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วัน หากมีอาการป่วยระหว่างเข้าประเทศ จะถูกแยกตัวไว้เพื่อตรวจวินิจฉัยและส่งไปโรงพยาบาล แต่หากไม่มีอาการป่วย จะได้รับบัตรคำเตือนสุขภาพพกติดตัวไว้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: