กรุงเทพฯ – การบินไทย ชี้แจง พนักงานต้องเข้าระงับเหตุ หลังผู้โดยสารหญิงชาวจีนไอใส่พนักงานต้อนรับ ไม่พอใจเครื่องจอดรอตรวจโควิด-19 นาน ที่เซี่ยงไฮ้
วันที่ 8 มีนาคม 2563 ตามที่มีคลิปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ กรณีผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งไม่พอใจ และไอใส่พนักงานต้อนรับหญิงบนเครื่องบินของการบินไทย จนถูกพนักงานเข้าชายล็อกตัว ระหว่างจอดเครื่องที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน นั้น
เรืออากาศเอกปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคง และมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนเที่ยวบินที่ ทีจี 664 วันที่ 6 มีนาคม 2563 เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ ขณะที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินเซี่ยงไฮ้ การบินไทยได้รับแจ้งว่า วันดังกล่าวเป็นวันแรก ที่สนามบินเซี่ยงไฮ้มีมาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสาร ที่มีประวัติการเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ อิตาลี เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอิหร่าน
เครื่องบินทุกลำที่มีผู้โดยสารเดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว หากเดินทางเข้ามาหรือต่อเครื่องในเซี่ยงไฮ้ จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น โดยเรียงลำดับจากเวลาที่เครื่องบินลงจอด ซึ่งการบินไทยยังไม่ได้ตรวจ จึงไม่อนุญาตให้เปิดประตูเครื่องบินให้ผู้โดยสารลงจากเครื่อง จนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาดำเนินการ
ข่าวน่าสนใจ:
- กทม. ร่วม"ฟูกูโอกะ" เปิดงาน "Fukuoka Fair" ฉลอง 18 ปีเมืองพี่เมืองน้อง
- จังหวัดสกลนคร พัฒนาศักยภาพบุคลากร ภาคีเครือข่าย เฝ้าระวัง ดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติด
- ปิดตำนานนักเขียน "ตรี อภิรุม" ศิลปินแห่งชาติฯ เจ้าของผลงาน "นาคี"
- ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีฯ จัดกิจกรรม"วันกิมจิ"เผยแพร่การทำกิมจิ ผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700 คน
ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคง และมาตรฐานการบิน การบินไทย กล่าวต่อว่า ความเข้มข้นในการตรวจคัดกรองแต่ละลำ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเที่ยวบินของการบินไทยจำเป็นต้องรอประมาณ 7 ชั่วโมง กว่าที่เจ้าหน้าที่จะมาตรวจ
จึงมีผู้โดยสารรายหนึ่งไม่พอใจอย่างมาก และไอใส่หน้าพนักงานต้อนรับฯ หญิง พนักงานต้อนรับฯ อื่น จึงได้ช่วยกันระงับเหตุ และพยายามอธิบายให้ผู้โดยสารทราบถึงสถานการณ์ และขอให้อยู่ในความสงบ
อย่างไรก็ตาม ต่อมา ผู้โดยสารคนดังกล่าวสงบลง และยอมนั่งลงกับที่ เพื่อรอการตรวจคัดกรอง
ขอบคุณภาจาก ยูทูป Fugu M
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: