กรุงเทพฯ – โฆษก ศบค. เผย ทุกฝ่ายกำลังพิจารณาถึงการผ่อนคลายล็อกดาวน์ โดยอาจจะเปิดห้าง ร้านตัดผม ร้านอาหาร แต่ต้องมีมาตรการรองรับ
วันที่ 17 เมษายน 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ยกกรณี องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า รัฐบาลที่ต้องการลดระดับมาตรการการควบคุมโรค จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ 6 ข้อ ดังนี้
1.สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในประเทศได้แล้ว
2.ระบบสุขภาพต้องสามารถ ตรวจหาผู้มีอาการของโรค ตรวจหาเชื้อ แยกตัวและทำการรักษา พร้อมทั้งทำการสอบสวนโรค
3.มีความเสี่ยงระดับน้อยที่สุดในสถานที่เสี่ยงภัยมากที่สุด เช่น บ้านพักคนชรา
4.โรงเรียน สำนักงาน และสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ต้องมีมาตรการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพ
5.สามารถจัดการความเสี่ยงของโรคจากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศได้
6.คนในชุมชนต้องมีความรู้ มีส่วนร่วม และได้รับการสนับสนุนให้มีชีวิตอยู่ภายใต้สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการเกิดโรค
โฆษก ศบค. ยังยืนยันขอความร่วมมือประชาชน ให้ทำตามมาตรการต่าง ๆ ที่ภาครัฐออกมา เนื่องจากพฤติกรรมจะเป็นส่วนสำคัญ ในการพิจารณาปลดล็อคดาวน์ประเทศไทยได้ โดยทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการด้านต่าง ๆ ได้หารือเรื่องการผ่อนคลายสถานการณ์กึ่งล็อคดาวน์ว่า สถานประกอบการณ์ต่าง ๆ จำเป็นจะต้องมีมาตรการอย่างไร ยกตัวอย่าง กรณีร้านตัดผม ผู้ประกอบการต้องจัดเตรียมสถานที่ ให้ใช้บัตรคิวแทนการนั่งรอ ที่นอนสระผมต้องห่างกันเกิน 1 เมตร ระยะเวลาในการให้บริการต้องไม่เกิน 2 ชั่วโมง งดเว้นการใช้อุปกรณ์ร่วมกัน พนักงานต้องใส่หน้ากากผ้าและล้างมือทุกครั้ง ทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกครั้งที่ให้บริการลูกค้าในแต่ละราย สำหรับผู้ใช้บริการจะต้องใส่หน้ากากผ้าและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนเข้าร้าน
ส่วนห้างสรรพสินค้า จะต้องจำกัดจำนวนคนเข้า ไม่เกิน 1 คนต่อตารางเมตร ทยอยเปิดร้านที่มีความสำคัญ ไม่เปิดทั้งหมด สำหรับร้านอาหารจะต้องเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร หรือเปิดได้เฉพาะ Take Away ต้องไม่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ที่เรียกคนให้มารวมตัวกัน ต้องคัดกรองและอนุญาตเฉพาะผู้สวมใส่หน้ากากเท่านั้น และจะต้องทำความสะอาดทุกชั่วโมง
ขณะที่ผู้รับบริการจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และต้องคัดกรองไข้หรือทางเดินหายใจก่อนเข้าห้าง อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเท่านั้น
