กรุงเทพฯ – คลายล็อกดาวน์ พบการกระทำผิดสูงขึ้น ศปม.ปรับแผนลงพื้นที่ตรวจ ขอประชาชนแจ้งข้อมูล หากพบผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการ
วันที่ 10 พฤษภาคม 2563 พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงการวิเคราะห์สถิติ หลังการผ่อนคลายมาตรการครบ 7 วันว่า ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้หารือร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพต่าง ๆ ในการปรับแผนการปฏิบัติงาน จากเดิมที่มีการตั้งด่านตรวจและมีสายตรวจบางส่วน หลังจากผ่อนคลายมาตรการนั้น ได้เพิ่มสายตรวจร่วม ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กรุงเทพมหานคร และฝ่ายสาธารณสุข ลงสู่พื้นที่ต่าง ๆ ที่มีการผ่อนคลายมากขึ้น รวมทั้งการทำงานในช่วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว
หลังรวบรวมสถิติเปรียบเทียบ ระหว่าง 7 วันก่อนหน้าการผ่อนคลายมาตรการ กับหลังผ่อนคลายมาตรการ 7 วัน พบว่า การออกนอกเคหสถานช่วงเคอร์ฟิว หรือการรวมกลุ่มมั่วสุมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 หลังการผ่อนคลาย ภาพรวมการกระทำผิดสูงขึ้น จากเดิม 7 วันก่อนหน้ามีประมาณ 4,407 คดี หลังวันที่ 3 พ.ค. ถึงวันที่ 10 พ.ค. เพิ่มเป็น 5,363 คดี เพิ่มขึ้นประมาณ 900 กว่าคดี หรือร้อยละ 21 เฉพาะเรื่องความผิดออกนอกเคหสถานช่วงเคอร์ฟิว เพิ่มขึ้นประมาณ 827 คดี เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่ปรับการใช้ชีวิตประจำวัน ออกนอกบ้านโดยไม่มีเหตุอันควร
ส่วนเรื่องการมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่เชื้อโรค จากเดิม 664 คดี เพิ่มขึ้นเป็น 704 คดี เพิ่มมา 40 คดี ความผิดเรื่องการมั่วสุมในการดื่มสุราสูงขึ้น จาก 300 เป็น 600 คดี สูงขึ้นเท่าตัว การพนันจำนวนคดีลดลง แต่พบว่า 1 คดี มีผู้เล่นเพิ่มขึ้น และยังมีการมั่วสุมเรื่องอื่น ๆ ด้วย ซึ่งความผิดประเภทซ้ำซ้อน จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด
โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสถานที่ประกอบการหลายแห่ง พบว่าช่วงวันที่ 3-4 พ.ค. ยังมีผู้ไม่ปฏิบัติตามค่อนข้างมาก ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ตำรวจแนะนำและตักเตือนไปให้ปรับปรุง
ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการ 3 เรื่องใหญ่ คือ การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ การรักษาระยะห่าง ส่วนการเล่นการพนัน ตั้งวงสุรา นั่งใกล้กัน ถึงจะใส่หน้ากากอนามัยก็จริงแต่ไม่ได้ใส่ตลอดเวลา ต้องมีการพูดคุย จึงขอความร่วมมือประชาชนด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ทำหน้าที่อย่างดีแล้ว แต่ยังมีประชาชนบางส่วนบกพร่องอยู่
สำหรับการเปิดตลาดนัดจตุจักร ได้ประชุมร่วมมือกันก่อนหน้านี้ และวางมาตรการต่าง ๆ ไว้ ทุกจุดมีเจ้าหน้าที่ทั้งของกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขต ตำรวจ ทหาร สำนักอนามัย ฝ่ายสาธารณสุข ตรวจก่อนตามระบบ ดูเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย มีเจลแอลกอฮอล์ระหว่างการเดินตามร้านต่าง ๆ โดยทุกร้านให้ความร่วมมืออย่างดี อาจจะมีตักเตือนและการแนะนำบ้าง ในเบื้องต้นถือว่าเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันคนละไม้คนละมือ กรณีพบผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการ แจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง 1138 หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 หรือศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามดำเนินการ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: