วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 แถลงผลประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติผ่อนคลายมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระยะที่ 3 ในกิจกรรมและกิจการต่าง ๆ เพื่อผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถทำกิจกรรมและประกอบกิจการไดมากขึ้น ทั้งในกิจการ กิจกรรม ที่ผ่อนคลายบางส่วนไปแล้ว และผ่อนคลายเพิ่มเติมในบางกิจการ กิจกรรม ที่ยังไม่ได้รับการผ่อนคลายใน 2 ระยะที่ผ่านมา
โดยพิจารณาลดระยะเวลาการออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ลง 1 ชั่วโมง จากเวลา 23.00-04.00 น. เป็นเวลา 23.00-03.00 น. เพื่อเป็นการผ่อนคลายมากขึ้น
กิจกรรม/กิจการที่ผ่อนคลาย
♦อาคารสถานที่ของสถาบันการศึกษา ให้เปิดเพื่อใช้การสอบคัดเลือก อบรมระยะสั้น แต่ยังไม่เปิดให้ทำการเรียนการสอน ส่วนโรงเรียนนอกระบบ โรงเรียนเอกชน วิชาชีพ ศิลปะการกีฬา ให้เปิดได้เช่นกัน
♦ขยายเวลาเปิดห้างสรรพสินค้า เป็น 21.00 น.
♦เปิดศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม ขนาดไม่เกิน 2 หมื่นตารางกิโลเมตร
♦เปิดสนามพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่อง
♦ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม เปิดให้ทำสีผมได้ แต่ต้องใช้เวลาในการทำกิจกรรมไม่เกิน 2 ชั่วโมง ห้ามนั่งรอในร้าน
♦ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาประกอบอาหาร โดยให้ผู้ปกครองมารับอาหาร
♦คลินิคเสริมความงาม ยังคงยกเว้นในส่วนของใบหน้า
♦สถานบริการ สปา นวดเพื่อสุขภาพ นวดฝ่าเท้า ใช้เวลาบริการไม่เกิน 2 ชั่วโมง แต่ยกเว้นอบไอน้ำ อาบอบนวด ยังไม่เปิด
♦ฝึกซ้อมกีฬา เปิดให้ซ้อมได้ตามสากล กีฬาโบว์ลิ่ง สเก็ต โรลเลอร์เบรด เปิดได้แต่จำกัดเวลา รวมทั้งสถาบันสอนลีลาศ สระว่ายน้ำ/กิจกรรมในบึง เปิดได้แต่ต้องจำกัดจำนวนคน สวนสัตว์ เปิดตามปกติได้
♦โรงภาพยนตร์ โรงละคร เปิดได้ แต่จำกัดไม่เกิน 200 คน พร้อมให้เว้นระยะห่าง ให้นั่งคู่กันได้แต่ต้องใส่หน้ากาก
เลขาธิการ สมช. ย้ำว่า กิจกรรม/กิจการเหล่านี้ มีความเสี่ยงแพร่เชื้อโรคค่อนข้างสูง แต่การเปิดเพื่อผ่อนคลาย สิ่งที่ประชาชนต้องเน้นย้ำต่อไป คือ สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า รักษาระยะห่าง ล้างมือ ซึ่งยังต้องปฏิบัติตามปกติอย่างเคร่งครัด
