กรุงเทพฯ – พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ชี้แจง เตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน ไม่มีนัยการเมือง แต่เพราะสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ และเพื่อรับมือการผ่อนคลายกิจกรรมล่อแหลม รวมถึงเปิดทางให้นักธุรกิจต่างชาติเข้าประเทศ
วันที่ 25 มิถุนายน 2563 พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาในทุกมิติ ทั้งความมั่นคง ข่าวกรอง กฎหมาย และสาธารณสุข เห็นควรขยายเวลาการประกาศใช้อำนาจตาม พระราชกำหนดว่าด้วยการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) อีก 1 เดือน ตลอดกรกฎาคมนี้ เพื่อรองรับผ่อนคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 5 ในวันที่ 1 กรกฎาคม เนื่องจากเป็นกิจกรรม/กิจการที่มีความเสี่ยงสูงมาก ต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น การเปิดเรียน การไม่จำกัดเวลาเปิดห้างสรรพสินค้า สถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ร้านเกม อย่างไรก็ตาม จะต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่ วันที่ 29 มิ.ย.นี้ ถ้าที่ประชุมใหญ่ ศบค.มีมติเห็นชอบ ก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ทันที
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ยืนยันว่าไม่มีนัยทางการเมือง อย่างที่ฝ่ายการเมืองออกมาโจมตี เพราะการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีนัยทางการเมืองมาตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบัน และอนาคต แต่ใช้ด้วยเหตุผลทางสาธารณสุขเป็นหลัก
ส่วนการแข่งขันกีฬาจะให้มีผู้เข้าชมได้เมื่อไหร่ ต้องรอดูการผ่อนคลายระยะที่ 5 ก่อน ถ้าสถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น รวมถึงสถานการณ์โลกดีขึ้น ค่อยพิจารณา
สำหรับ Travel bubble นั้น เลขา สมช. ระบุว่า ยังไม่ได้ข้อยุติในเร็ววันนี้ ต้องใช้วลาประมาณ 1-2 เดือน และปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดประสานเข้ามา แต่ที่มีข้อยุติในเร็ววัน คือ การเดินทางของนักธุรกิจ ที่ปัจจุบันมีบางส่วนเดินทางเข้ามาแล้ว แต่ต้องถูกกักตัว 14 วัน จึงจะพิจารณาในส่วนของนักธุรกิจที่จะเข้ามาเพียงไม่กี่วัน จะให้สามารถเดินทางไปทำธุรกิจต่อได้เลย โดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องมีมาตรการที่เข้มข้น คือ ต้องตรวจโควิด อย่างน้อย 3 ครั้ง คือ ก่อนเดินทาง เมื่อมาถึงไทย และก่อนออกจากประเทศไทย อีกทั้งระหว่างอยู่ในประเทศ ก็ต้องสามารถติดตามตัวได้ตลอด คาดว่าจะให้ยื่นเรื่องเข้ามาให้พิจารณาได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป โดยประเทศที่จะพิจารณาในเบื้องต้น คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน บางเมือง ส่วนการท่องเที่ยวเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย (Medicai and wellness tourism) ยืนยันว่าผู้ที่จะเข้ามา จะไม่ใช่การเข้ามารักษาโควิด เพราะถ้าเป็นโควิดจะไม่สามารถขึ้นเครื่องบินมาได้ตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้ามาจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 14 วัน เมื่อรักษาเสร็จสิ้นจะอยู่ต่อหรือไม่ก็ได้ ซึ่งมีหลายชาติสนใจ
