กรุงเทพฯ – การชุมนุมของกลุ่มคณะประชาชนปลดแอก ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คึกคัก เปิดแฟลชมือถือสร้างทะเลดาวบนถนนราชดำเนิน ก่อนอ่านแถลงการณ์ และประกาศยุติการชุมนุม ไว้เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ
วันที่ 16 สิงหาคม 2563 บรรยากาศการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอก กับกิจกรรมขีดเส้นใต้ไล่เผด็จการ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ช่วงค่ำ ยังคงเต็มไปด้วยความคึกคัก แม้มีสายฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย โดยผู้ชุมนุมทะลักถนนราชดำเนินกลาง จนเลยสี่แยกคอกวัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน เดินทางเข้าร่วมชุมนุมด้วย
แกนนำสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีตัวแทนจากกลุ่มไอลอร์ แกนนำกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ร่วมปราศรัย โจมตีการทำงานของรัฐบาลด้วย นอกจากนี้ ยังมีการแสดงดนตรีจากศิลปินหลายวง
ไฮไลต์ช่วงค่ำ อยู่ที่แกนนำอ่านแถลงการณ์ เน้นย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยุบสภา และ 2 จุดยืน คือ ไม่เอารัฐประหาร และไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ รวมถึง 1 ความฝัน การฉายเลเซอร์ใส่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้วยคำว่า ‘ให้จบที่รุ่นเรา ผนงรจตกม และขีดเส้นตายเผด็จการ รวมถึงการขอให้ผู้ร่วมชุมนุมเปิดแสงแฟลชจากโทรศัพท์มือถือ สร้างทะเลดาวบนถนนราชดำเนิน พร้อมทั้งชู 3 นิ้ว เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ
และเมื่อเวลา 22.40 น. แกนนำกลุ่มคณะประชาชนปลดแอก ประกาศยุติการชุมนุม ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ และประกาศพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ
ทั้งนี้ ที่ป้ายรถเมล์เยื้องสี่แยกคอกวัว มีการตั้งโต๊ะให้เข้าชื่อ 50,000 ชื่อ เพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ซึ่งเข้าสังเกตการณ์การชุมนุมตั้งแต่ช่วงบ่าย ระบุว่า สถานการณ์ทั่วไปเรียบร้อยดี ไม่มีสิ่งผิดปกติ แต่ในช่วงเย็นระบบการสื่อสารทั้งสัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เริ่มมีปัญหา ไม่สามารถใช้งานได้ ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะการที่มีผู้ชุมนุมมารวมกันในพื้นที่จำนวนมาก ผู้ให้บริการทุกเจ้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของช่องสัญญาณ เพื่อให้การสื่อสารราบรื่น ไม่ติดขัด แต่การชุมนุมครั้งนี้กลับเกิดปัญหา เหมือนผู้ให้บริการละเลยหรือไม่ ไม่อยากคิดว่า เกิดจากการขอความร่วมมือเพื่อปิดกั้นการสื่อสาร เพราะหากเป็นเช่นนั้น ถือเป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรมอย่างรุนแรง ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบตรวจสอบ
ทั้งนี้ จะรายงานให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องทุกคณะได้รับทราบ และเรียกผู้ให้บริการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาตรวจสอบ ต่อไป
ขอบคุณภาพจาก : โซเชียล มีเดีย
