นนทบุรี – กระทรวงสาธารณสุข แถลง พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหญิงไทย 2 คน ที่เดินทางกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังกักตัวครบ 14 วัน และออกจากสถานกักกันโรคแล้ว โดยรายแรกเป็นซากเชื้อ รายที่สองต้องรอผลตรวจละเอียด ชี้ ยังไม่ใช่การระบาดรอบสอง
วันที่ 19 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ร่วมแถลงข่าว กรณีมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นหญิงไทย เดินทางกลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเข้าพักในสถานกักกันโรคของรัฐ จนครบ 14 วัน จึงออกจากสถานกักกันโรค กลับไปกักตัวที่บ้านต่ออีก จนครบ 30 วัน แต่ในเวลาต่อมาผลตรวจพบเชื้อโควิด-19
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงรายละเอียดว่า ทั้ง 2 รายไม่มีอาการ
โดยรายแรก เป็นเพศหญิงอายุ 34 ปี เคยทำงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเดินทางกลับไทย เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. เข้ากักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ (State Quarantine) ตรวจเชื้อครั้งแรกพบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย สรุปผลว่า ผลกำกวม ตรวจเชื้อครั้งที่ 2 ผลไม่พบเชื้อ เมื่อครบ 14 วัน จึงกลับภูมิลำเนา จ.ชัยภูมิ โดยพักแยกตัวจากครอบครัวจนครบ 30 วัน ต่อมา 17 ส.ค. ต้องเตรียมตัวไปต่างประเทศ จึงมาตรวจสุขภาพหาเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.รามาธิบดี วันที่ 17 ส.ค. ผลตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 แต่ในปริมาณน้อย เนื่องจากมีภูมิคุ้มกัน สรุปว่าเป็นผู้ติดเชื้อรายเดิม ที่มีการพบซากเชื้อ แต่แพร่เชื้อไม่ได้แล้ว และจัดเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ
รายที่ 2 เพศหญิงอายุ 35 ปี เคยทำงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เช่นกัน เดินทางกลับไทย วันที่ 24 มิ.ย. และเข้าสถานที่กักตัว 14 วัน จากนั้นตรวจเชื้อ 2 ครั้ง ไม่พบเชื้อ จึงให้กลับบ้านที่ จ.เลย ต่อมา 16 ส.ค. เดินทางเข้า กทม.ด้วยรถยนต์ส่วนตัว วันที่ 18 ส.ค. เข้ารับการตรวจสุขภาพ และพบสารพันธุกรรมโควิด-19 รพ.รามาธิบดี เพิ่งรับตัวเข้าดูแลเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ ต้องรอการยืนยันอีกครั้งว่า เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ หรือเป็นการแพร่เชื้อภายในประเทศ แต่คาดว่าน่าจะเหมือนกับรายแรก
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า การพบผู้ติดเชื้อ 2 รายนี้ ไม่ใช่การระบาดระลอกที่ 2 และโอกาสการติดเชื้อภายในประเทศถือว่ายังต่ำ แต่เพื่อความปลอดภัย จึงรับทั้งสองไว้ดูแลอาการ ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมื่อได้ผลเป็นอย่างไร จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อได้รับรายงานเรื่องนี้ ได้ให้ทีมปฏิบัติการสอบสวนคุมโรค สอบสวนเบื้องต้น เพื่อให้ได้ประวัติเสี่ยง ตลอดจนผู้ใกล้ชิดกับทั้งสองรายนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อจะได้ติดตามผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ในครอบครัวและชุมชน เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม แนะนำให้เฝ้าระวังอาการและปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันควบคุมโรคต่อไป
