กรุงเทพฯ – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรียกประชุมสำนักนโยบายและแผนทุกหน่วยในกระทรวง ขันน็อต เร่งรัดการศึกษายกกำลังสอง ให้เวลา 1 เดือน เสนอแผนบูรณาการด้านงบประมาณอย่างเป็นเอกภาพร่วมกัน สร้างมิติใหม่ด้านระบบงานราชการ
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรียกประชุมสำนักนโยบายและแผนของทุกส่วนงานในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อทำความเข้าใจและติดตามแผนงานการศึกษายกกำลังสองเพื่อสร้างความเป็นเลิศทางการศึกษา โดยกล่าวขอบคุณที่ทุกส่วนงาน ที่มีความรู้ ความเข้าใจถึงนโยบายการศึกษายกกำลังสอง และมีแผนงานชัดเจนในการขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทย
“ผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ ที่พบทูตกว่า 40 ประเทศ ซึ่งได้สอบถามว่าหากจะเข้ามาลงทุนในเมืองไทย มีข้อกังวลอะไร ทุกคนพูดเหมือนกันว่า ห่วงเรื่องปัญหาความไม่พร้อมของบุคลากรด้านแรงงาน ดังนั้น หากสถานการณ์พลิกฟื้นกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาอีก 1-2 ปี ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองด้านการศึกษา โดยสามารถผลิตบุคลากรคุณภาพเพื่อรองรับได้ ถึงเวลานั้น เราก็จะสามารถเป็นประเทศที่ดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยว ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศให้พลิกฟื้นขึ้นมาได้” นายณัฎฐพล กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าว กล่าวในที่ประชุมต่อว่า อยากให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนที่มีอยู่ให้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการร่วมกันหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เช่น แนวทางการสอบเพื่อคัดเลือกครูให้ได้คนที่มีความสามารถจริงมาเป็นครูสอน ผู้บริหารโรงเรียนจะมีหลักเกณฑ์ หรือแนวทางในการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนสถานการศึกษาของตนเองให้มีความเป็นเลิศเฉพาะทางของตนเองได้อย่างไร หรือปรับวิธีการสอบโดยใช้ข้อสอบแบบสุ่ม (Random) เป็นต้น
ข่าวน่าสนใจ:
โดยต้องก้าวข้ามข้อจำกัด และขยายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนมากขึ้น ต้องเพิ่มด้านปริมาณ และคุณภาพอย่างเข้มข้น หากมีข้อติดขัด เช่นงบประมาณ พวกเราต้องช่วยกัน และสรุปข้อเสนอแนะอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งผมพร้อมที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติในการปลดล็อคแนวทางการทำงาน
นายณัฏฐพล ยังขอให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ บูรณาการแนวคิด และวิธีการทำงานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อหาแนวทางร่วมกันในลักษณะข้ามหน่วยงาน ให้เป็นแผนงานของกระทรวงศึกษาธิการที่ทุกคนเป็นเจ้าของผลงานร่วมกันอย่างเป็นองค์รวม โดยให้มีการประชุมเพื่อจัดทำแผนบูรณาการด้านการศึกษายกกำลังสอง และนำเพื่อหารือร่วมกันภายในระยะเวลา 1 เดือน
ในที่ประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำเสนอแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ ตามแนวคิดด้านการศึกษายกกำลังสอง ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Human Capital Excellence Center – HCEC, แฟลตฟอร์มด้านการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Digital Education Excellence Center-DEEP และ แผนพัฒนารายบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Excellence Individual Development Pan – EIDP
โดยมีแผนงานสำคัญ อาทิ ทางสภาการศึกษาแห่งชาติ จะดำเนินการด้านหลักสูตรให้เป็นที่เรียบร้อยในเดือนพฤษภาคม 2564 และในปี 2563 จะสามารถจัดทำฐานข้อมูล และแฟ้มผลงาน (Portfolio) ของเด็กนักเรียนทั่วประเทศ, สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอแผนงานการควบรวมโรงเรียนใน 29 จังหวัด กว่า 2,00 โรงเรียน และแผนการโยกย้าย และพัฒนาครูผู้สอน
ด้านสำนักงานอาชีวศึกษา (สอศ.) เสนอแผนเร่งรัดและขยายความร่วมมือกับภาคเอกชนด้านหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อตอบสนองความต้องการด้านแรงงานของภาคเอกชน และเสนอแนะการสร้างแรงจูงใจให้เด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นหันมาศึกษาด้านอาชีวะมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการแรงงานที่มีความต้องการในอนาคต โดยเฉพาะสาขาสำคัญๆ เช่น โรโบติกส์ ระบบราง แม็คคาทรอนิกส์ เป็นต้น
สำนักส่งเสริมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) นำเสนอการฝึกอบรมครูด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ด้วยระบบออนไลน์ และการขออนุมัติงบประมาณ เปลี่ยนพื้นที่ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสะเต็มศึกษา (STEM Edupolis) เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: