นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง 3 กลไก 3 แนวทางแห่งการสมานฉันท์ : ก้าวแรกยากแต่ต้องเริ่มให้ได้ ระบุว่า ต้นสัปดาห์นี้ รัฐสภาจะประชุมเรื่องรัฐธรรมนูญ ขณะที่ความพยายามคลี่คลายปัญหาการเผชิญหน้าและความขัดแย้ง ด้วยแนวทางคณะกรรมการสมานฉันท์ยังเดินหน้าและเผชิญอุปสรรคบางประการ
ในฐานะคนไทยคนหนึ่งมองว่า ความขัดแย้งทางการเมืองที่ขยายตัวเป็นความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายต่อเนื่องมา 15 ปี ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปี 2563 แม้จะมีความพยายามดับไฟไม่ให้บานปลายขยายตัวเป็นสงครามกลางเมือ งเหมือนที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย จนบ้านแตกสาแหรกขาดเป็นบทเรียนที่เราต้องถอดรหัสเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
วันนี้ มีความพยายามของหลายฝ่าย ที่ช่วยกันแสวงหาทางออก เช่น ข้อเสนอเรื่องคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่ประธานรัฐสภากำลังขับเคลื่อนตามข้อมติของรัฐสภา ซึ่งทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐบาล รวมทั้งพรรคการเมืองส่วนใหญ่ แสดงจุดยืนเห็นพ้องในแนวทางดังกล่าว
แม้ยังมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยหรือยังไม่เข้าร่วม แต่ก็นับเป็นความพยายามที่ได้จุดประกายความหวังในการแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ทางการเมือง และควรสนับสนุนให้เดินก้าวแรกและก้าวต่อไปให้ได้
ข่าวน่าสนใจ:
สำหรับข้อเสนอเรื่อง ‘3 กลไก 3 แนวทางแห่งการสมานฉันท์ : ก้าวแรกยากแต่ต้องเริ่มให้ได้’ ของนายอลงกรณ์ เพื่อเติมเต็มแนวทางคณะกรรมการสมานฉันท์ได้แก่
1.กลไกการปรึกษาหารือแบบ ”4ตา” (Four Eyes principle) หรือ 2 คน 2 ฝ่ายคลี่ความคิดออกมาหารือในทุกประเด็นทั้งประเด็นหลักประเด็นย่อย
2.กลไกไตรภาคี 3 คน 3 ฝ่าย นำประเด็นจากกลไกแรกมาหาจุดร่วมเดินหน้าในประเด็นที่ทำได้ก่อนจากนั้นส่งต่อไปกลไกที่ 3
3.กลไกคณะกรรมการสมานฉันท์ของทุกฝ่าย
ความยากของการประชุมเจรจา คือ การเริ่มจากการรวมทุกฝ่ายซึ่งมักไม่ได้ผลเพราะขาดความไว้วางใจและมีความแตกต่างในข้อเสนอและจุดยืนอย่างมาก ดังนั้น การเริ่มจากการเจรจาหารือระหว่าง 2 ฝ่าย และขยับเป็น 3 ฝ่าย จะเริ่มต้นได้ง่าย และเมื่อเริ่มก้าวแรกได้ก็จะมีก้าวต่อไป เปลี่ยนจาก ”การเผชิญหน้าเป็นการพบหน้ากัน” จากนั้น ก็เป็นการประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยการร้อยเรียงประเด็นที่ผ่านการหารือตกผลึกมาแล้ว ประเด็นใดที่เห็นพ้องก็เดินหน้าต่อไป ส่วนประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุปก็หารือระดับ 2 ฝ่าย และ 3 ฝ่าย ตามลำดับต่อไป โดยทำงานคู่ขนานกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม แต่ละฝ่ายต้องยึดหลักการ 3 ข้อ ดังนี้
1.ยึดหลัก แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างคือเริ่มต้นจากประเด็นง่ายไปสู่ยาก
2.ยึดหลักสร้างความไว้วางใจ(Confidence Building)
3.ยึดหลักประโยชน์แห่งชาติเหนือประโยชน์ส่วนตัวหรือกลุ่มหรือพรรค
สถานการณ์ในอดีตรุนแรงและร้ายแรงกว่าในปัจจุบัน ถึงขั้นจับอาวุธต่อสู้กับอำนาจรัฐ ด้วยแนวคิดปฏิวิติพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาในขณะนี้จึงยังมีความหวังที่จะช่วยกันนำประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้โดยสันติวิธี ขอให้ใช้ขันติธรรม เมตตาธรรม และความยุติธรรม นำทางการแก้ปัญหาเป็นสำคัญ ก็จะมีความคืบหน้าและบรรลุผล ตามที่คนไทยทุกคนคาดหวัง “ทุกปัญหามีทางออก ถ้ามีกุญแจดอกที่ใช่ก้าวแรกยากแต่ต้องเริ่มให้ได้”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: