กรุงเทพฯ – ศบค. รายงาน พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 14 คน จากคนไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และยังพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่ม 2 คน ในกรุงเทพมหานคร ทำยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 4,086 คน
วันที่ 6 ธันวาคม 2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 วันนี้
พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่ม 14 คน แยกเป็น
ผู้ติดเชื้อในประเทศ เป็นคนไทย 2 คน จากกรุงเทพมหานคร
ข่าวน่าสนใจ:
- ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุกขอนแก่น จับมือศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น ขนร้านอาหารชื่อดังนับร้อย มาเสิร์ฟสายกิน 11 วันเต็ม 14 - 24 พ.ย.นี้
- กล้องวงจรปิดจับภาพ แม่รับลูกซ้อน 4 กลับจากโรงเรียน ชนรถ พ่วงบาดเจ็บสาหัส ลูกร้องระงม
- สมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานผ้าพระกฐินทอดถวาย ณ วัดเขาไกรลาศ หัวหิน
- "ลุงโทนี" ถูกตัดสิทธิ์ฯ เหตุไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบต.ท่าพล
ผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศ 12 คน แบ่งเป็น
ผ่านการคัดกรองและเข้ากักกัน 10 คน เดินทางมาจาก ซาอุดิอาระเบีย 2 คน, เบลเยียม ยูเครน สหรัฐอเมริกา เมียนมา กาตาร์ สวีเดน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร ประเทศละ 1 คน เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine)
ไม่ผ่านการคัดกรองและสถานกักกัน มาจากเมียนมา 2 คน
ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 4,086 คน ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศ สะสมเพิ่มเป็น 2,459คน อยู่ในสถานที่กักกักของรัฐเพิ่มเป็น 1,104 คน หายป่วยกลับบ้านได้เพิ่ม 5 คน สะสม 3,853 คน รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเพิ่มเป็น 173 คน เสียชีวิตเท่าเดิม 60 คน
อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการแก้ไขข้อมูล ผู้ติดเชื้อในประเทศ (กรุงเทพฯ) จาก 2 เหลือ 1 คน เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชน
และมาเพิ่มส่วนของคนไทยที่ไม่ผ่านการคัดกรองและสถานกักกัน มาจากเมียนมา จาก 2 เป็น 3 คน โดยเป็นชายไทย อายุ 70 ปี และหญิงไทย อายุ 26 ปี 2 คน เข้ารับการรักษาที่ รพ.นครพิงค์ รพ.แม่สอด และ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก
♦️ยอดผู้ติดเชื้อรวม 66,847,041 คน
♦️อาการรุนแรง 106,022 คน
♦️รักษาหายแล้ว 46,235,090 คน
♦️เสียชีวิต 1,534,344 คน
อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด
1.สหรัฐอเมริกา 14,983,425 คน
2.อินเดีย 9,644,529 คน
3.บราซิล 6,577,177 คน
4.รัสเซีย 2,431,731 คน
5.ฝรั่งเศส 2,281,475 คน
ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 4,086 คน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: